วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทำงานหนัก อย่าลืมดูแลตัวเองและคนรอบข้าง


สวัสดีครับ วันนี้ผมเพิ่งกลับจากงานออกตลาดภาคสนามของภาคเหนือมา ตะลุยไปกับทีมงาน 10 จังหวัดเลยทีเดียว เลยต้องรีบมาเขียนบทความแชร์ประสบการณ์เอาไว้กลัวจะลืม. ครับการทำงานนั้นเป็นเรื่องที่ดี มีคำที่ท่านพุทธทาสกล่าวเอาไว้ว่า “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม” และมีคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสไว้ว่า “ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข” นั่นก็คือ การทำงาน คือการปฏิธรรม และคือความสุข นั่นเองครับ แต่ถ้ามากเกินไป โดยหักโหมร่างกายจนเกิดโรคภัยไข้เจ็บ และไม่สนใจคนรอบข้างและครอบครัว ก็ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งเลยใช่มั้ยครับ ต้่องแบ่งและแยกแยะตรงนี้ให้ออกด้วยนะครับ บางคนเอาผลของงานมาข่มคนอื่นให้ลำบากใจ จนผิดใจกันไปก็มี

ทำงานให้ถูกวิธีต้องมีความสุข นั่นก็คือสุขกาย สุขใจ และให้คนรอบข้างคนร่วมงานมีความสุขด้วยนะครับ ผมมีลูกค้าท่านหนึ่ง มาสั่งซื้อน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์ผสมสมุนไพร 16 ชนิด จำนวน 10 ลัง ซี่งปกติลูกค้าทั่วไปจะซื้อที่ 1 ลัง (มี 12 ขวด) เท่านั้น  (1 ลังจะดูแลสุขภาพโดยทานได้ประมาณ 2 เดือน โดย 1 ขวดขนาดบรรจุที่ 250 ซ๊ซี ทานได้ 5 วัน ทานครั้งล่ะ 25 ซีซี ตอนเช้าและตอนเย็น) ผมได้ถามลูกค้าว่า ซื้อไปขายต่อเหรอครับ ลูกค้าบอกว่า ไม่ได้ซื้อไปขายต่อหรอก ป้าซื้อทานเองลังเดียว ส่วนที่เหลือนำไปแจกคนแก่ ที่บ้านต่างจังหวัดด้วย เพราะคนแก่แถวบ้านไม่ค่อยได้ดูแลตนเอง สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ปวดเมื่อยและนิ้วชานิ้วล็อคบ่อย เพราะทำงานหนักตามประสาคนทำนา ทำไร่ ทำสวน

ผมเลยได้ให้ส่วนลดพิเศษคุณป้าไป จากเรื่องราวที่ผมได้ไปพบประสบมา จึงเกิดแรงบันดาลใจอยากนำมาเขียนเล่าว่า คุณป้าท่านนี้ ยังแข็งแรงดี เพราะรู้จักดูแลตนเอง สุขภาพดี หน้าตาผ่องใส เสียงดังฟังชัด ไม่แหบแห้ง ทั้งนี้ยังได้แบ่งปันส่งต่อสุขภาพดีไปให้คนอื่นๆ ทำให้ได้ทั้งความสุขและสุขภาพดีไปในตัว ทำให้ผมนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” เพราะถ้าร่างกายเราแข็งแรง สุขภาพดี เราจะทำประโยชน์อะไรอีกได้มาก และสามารถพูดได้เต็มปากว่า อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ ครับ

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ข้อความจากกัลยาณมิตร สุดยอดนักธุรกิจออนไลน์

วันนี้มีข้อความส่งตรงมาให้ผมอ่านถึงบ้าน จากอาจารย์กมลเวช เมืองศรี ต้องขอขอบคุณท่านมากๆ ครับ ท่านเป็นกัลยาณมิตรที่ดีในโลกออนไลน์ของผมตลอดกาล ผมเลยนำมาโพสต์ให้ท่านผู้อ่านดังนี้นะครับ

6 สุดยอดข้ออ้างที่จะทำให้ห่างไกลจากความสำเร็จ

1. ไม่มีเงิน
ไม่มีเงิน ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่า ‪#‎คนไม่สำเร็จชอบใช้ประโยคบอกเล่า‬ เล่าเหตุผลถึงสาเหตุแห่งความไม่สำเร็จ และเขาไม่มีค้นหาสาเหตุที่เขาไม่สำเร็จพบได้ ‪#‎คนสำเร็จชอบถามคำถาม‬ เราจึงควรจะถามตัวด้วยความถามเช่น “เราจะหาเงินจากช่องทางไหนได้บ้าง?” คิดๆๆๆ แล้วจะได้คำตอบ มีพลังและสร้างสรรค์กว่า บอกเล่าเหตุผลความไม่เอาไหนของเราให้คนเขารู้

2. ไม่มีเวลา
ไม่มีใครสนใจหรอกว่าคุณจะใช้เวลาไปกับเรื่องอะไร คนอื่นมองแค่ผลลัพธ์ของคุณเท่านั้น ถ้าคุณบริหารเวลาได้ไม่ดีพอ ผลลัพธ์ชีวิตของคุณมันก็ตอบด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว

3. ทำไม่เป็น
ทุกคนมีครั้งแรกด้วยกันทั้งนั้น ทำไม่เป็น ไม่ได้แปลว่า ทำไม่ได้ ถ้าอยากเห็นความสามารถของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ลองตั้งคำถามดูครับว่า “ต้องทำยังไง?”

4. ไม่ได้เรียนมาทางนี้
ความรู้ ไม่ได้สิ้นสุดแค่ในรั้วมหาลัย ใบปริญญาไม่ได้การันตีอนาคต ถ้าคุณเลือกที่จะหยุดเรียน ก็ห้ามบ่นถึงเรื่องความก้าวหน้า เพราะมันจะไม่มีวันเกิดขึ้น

5. ยังไม่พร้อม
คำนี้มองได้สองมุม ทั้งนี้ต้องดูวิสัยทัศน์ของคนพูดด้วย ว่าเขา “ขี้เกียจทำ” หรือกำลัง “รอจังหวะ” วิธีสังเกตุง่ายๆคือ ให้ดูการเตรียมพร้อมของคนๆนั้น

6. ไม่มีอะไรใหม่ๆให้ทำแล้ว
คนที่พูดประโยคนี้คงมองไม่เห็นโอกาสที่เหลืออยู่ เพราะคิดว่าอะไรใหม่ๆ ก็มีคนทำไปหมดแล้ว จะให้ตนเองคิดนวัตกรรมก็คิดไม่ออก แต่คำว่าใหม่ๆ ไม่ได้หมายถึงการสร้างสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยมีในโลกนี้มาก่อน ที่จริง ใหม่หมายรวมถึงการพัฒนาของสิ่งเดิมให้ดีขึ้นด้วย

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ประหยัดรายจ่าย”
แต่เค้ารวยจากการ” สร้างรายได้”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ทำงานง่าย”
แต่เค้ารวยจากการ” ทำงานยาก”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ทำงานหนัก”
แต่เค้ารวยจากการ” ทำงานฉลาด”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”คิดเยอะ”
แต่เค้ารวยจากการ” คิดเป็น”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ขายแรงงาน”
แต่เค้ารวยจากการ” ขายไอเดีย”

ไม่มีเศรษฐีคนไหนร่ำรวยจากการ”ปฏิเสธโอกาส”
แต่เค้ารวยจากการ” มองหาโอกาสทุกเวลาจะทำให้คุณล้าหลังจากความสำเร็จ”

ความสำเร็จรอเราอยู่ที่จุดหมาย ขอเพียงเลิกใช้ข้ออ้างทั้งหลายมาหยุดยั้งการเริ่มต้นของเรา และกล้าที่จะย่างเท้าออกไปทีละก้าว ทีละก้าว แล้วเดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราก็จะถึงเส้นชัยอย่างแน่นอน

เครดิต: อาจารย์กมลเวช เมืองศรี
**************************************************************************

ผู้ที่จะร่ำรวยเป็นเศรษฐีนั้นต้องมี คาถาหัวใจเศรษฐี 4 อย่าง นั่นคือ อุ อา กะ สะ ผมเห็นพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายพากันบูชา และท่องบ่นสวดภาวนาเป็นประจำ มีน้อยนักที่พ่อค้าแม่ค้าจะไม่สวดภาวนาพระคาถานี้ ซึ่งมีความหมายดังนี้
  • อุ คือ ขยันหา มาจากคำว่า อุฏฐานสัมปทา
  • อา คือ รักษาให้ดี มาจากคำว่า อารักขสัมปทา
  • กะ คือ มีเพื่อนดีเคยชี้แนะ มาจากคำว่า กัลยาณมิตตตา
  • สะ คือ ใช้ชีวิตให้เหมาะสมตามฐานะ ไม่ฟุ่มเฟือย มาจากคำว่า สมชีวิตา
ถ้าข้ออื่นๆ ยังมีน้อยหรือไม่ค่อยมี ข้อว่า กัลยาณมิตตตา ควรทำให้มีมากยิ่งขึ้น เพราะมีความพิเศษตรงที่จะทำให้ข้ออื่นๆ ตามมาโดยอัตโนมัติครับ  ไม่ว่า จะเป็นลูกค้า, ซัพพลายเออร์, ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุน, ญาติสนิทมิตรสหาย เป็นต้น เพราะถ้ามีข้อ 3 นี้บริบูรณ์เจริญยิ่งขึ้นแล้ว ข้ออื่นๆ จะค่อยๆ ดีขึ้น และมีมาเองครับ

ผมเชื่อว่า ทุกๆ ท่านมีกัลยาณมิตรอยู่แล้ว แต่อย่าลืมที่จะรักษาท่านเหล่านั้นเอาไว้ และหาเพิ่มเติมให้มากยิ่งๆ ขึ้น การมีกัยาณมิตรมาก ความโชคดีก็มีมามากเช่นกันครับ

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

ท่านเป็นอาจารย์ผมโดยไม่รู้ตัวมา 1 ปี

วันนี้ผมอยากมาแชร์เรื่อง การเรียนรู้ในโลกออนไลน์เชื่อว่า หลายท่านคงเคยดูยูทูบออนไลนสอนเทคนิคต่างๆ เช่น การใช้งานโปรแกรม, การทำอาหาร, การขายของออนไลน์ เป็นต้น

ผมก็ได้อาศัยช่องทางนี้แหละครับในการเรียน รู้ โดยได้มีกูรูท่านหนึ่งมาโพสต์คลิปสอนการค้าขายบนโลกออนไลน์เอาไว้ และผมได้ติดตามมาเป็นเวลากว่า 1 ปี คือสอนผมได้ทุกวันว่างั้นเหอะ ผมเพิ่งจะโทรไปขอบคุณท่าน เมืออาทิตย์ที่ผ่านมานี่เองว่า ด้วยความเคารพผมขอนับถือท่านเป็นอาจารย์นะครับ ให้ผมเรียกท่านว่า อาจารย์ก็แล้วกัน เพราะที่ผมสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์และขายของได้ ต้องยอมรับว่า ความรู้ได้มาจากท่านมากกว่า 80% เลยทีเดียวสิ่งที่ท่านให้แง่คิด และเทคนิคต่างๆ ในยูทูป ผมนำเอามาปรับใช้ในงานขายออนไลน์ และได้ผลค่อยข้างดีเลยทีเดียวครับ

จากนั้นท่านก็ได้อำนวยพรให้ผมขายดิบ ขายดีในโลกออนไลน์เป็นเทน้ำ เทท่าตลอดไป และเมตตานัดแนะทีมงานของท่านให้ผม เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน ผมว่า ท่านก็คงจะงงเหมือนกันนะครับ อยู่ๆ ก็มีใครไม่รู้ โทรเข้ามาขอบคุณ และคงคิดต่อว่า ผมได้ไปสอนคุณตอนไหน ไม่คุ้นชื่อเลยนะ ยิ่งหน้าตาไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ เอาเป็นว่า ในโลกออนไลน์อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ

ซึ่งแต่ล่ะเทคนิคต่างๆ บางคนใช้แล้วเวิร์ค บางคนก็ไม่เวิร์ค การมีอาจารย์ผู้เคยแนะนำเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียวครับ อันนี้ต้องขอขอบคุณ Youtube ที่สร้างสรรค์ระบบ VDO Online ดีๆ เอาไว้

และต้องขอขอบคุณทีมงานของอาจารย์ที่มาแชร์ ประสบการณ์การขายของออนไลน์ และยังให้โค้ตผมล็อคอินเข้าไปฟังบรรยายสดๆ ได้ที่ห้องเรียนออนไลน์ได้ทุกวัน ทำให้ผมได้เปิดหู เปิดตา เหมือนกบได้ออกจากกะลา เหมือนปลาได้ว่ายออกมหาสมุทร เลยทีเดียวครับ และผมคิดว่า ผมจะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ มาฝึกฝน และนำมาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นครับ
ภาพสอนสดออนไลน์ ที่ทีมงานท่านอาจารย์ชวนผมเข้าร่วมครับ


ปล.ท่านเป็นอาจารย์ผมโดยไม่รู้ตัวมา 1 ปีนั้นคือ อาจารย์กมลเวช เมืองศรี ครับ สนใจอยากร่วมเรียนรู้สุดยอดวิชา ค้าขายในโลกออนไลน์ ติดต่อผมได้ที่ 084-7541192 // Line: nethivath  ขอจบการแชร์บทความไว้แค่นี้ก่อน แล้วพบกันในโลกออนไลน์ครับ

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

ขายทางไลน์ได้ด้วย!! จะดีแค่ไหน

ครับจริงแท้ทีเดียว การขายสินค้าทางไลน์สะดวกเอามากๆ เพราะลูกค้าเองก็ไม่ต้องโทรถามให้เสียกะตังค์ อยากรู้อะไรจากผู้ขายก็ไลน์มาถามหรือ จะขอดูสินค้าก็ได้ว่า มีพร้อมส่งอยู่จริงมั้ย ผมเองหลายครั้งที่จำเป็นต้องถ่ายสินค้าให้ลูกค้าดู รวมไปถึงสลิปหลักฐานการส่งของต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่น และทางเราผู้ขายเองก็ขอให้ลูกค้าส่งสลิปโอนเงิน มาให้เราดูทางไลน์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วได้เช่นกัน ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบคือ ให้ลูกค้าแชร์สถานที่มาให้เราได้ด้วย เวลาที่เราไปส่งสินค้าจะได้ไม่หลงทาง ให้เสียน้ำมันและเวลา ดีฉิบ…
ทริปการขายทางไลน์
  1. ส่งข้อมูลต่างๆ ให้ลูกค้าดูเพื่อให้มั่นใจ
  2. ขอชื่อ-ที่อยู่ในการ จัดส่งทุกครั้ง ถึงลูกค้าจะไม่ได้สั่งก็ตาม
  3. ส่งโปรโมชั่นต่างๆ ให้ลูกค้าดู (เราควรเตรียมพร้อมเอาไว้เสมอ)
  4. ไทม์ไลน์ของเรา อย่าปิดการแชร์เป็นอันขาดให้เปิดเป็นสาธารณะ (ลูกค้าไล่เช็คประวัติเราครับ)
  5. ควรติดต่อลูกค้าเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ
การขายสินค้าผ่านไลน์มีข้อดีมากมายอย่างนี้ พกร้านค้าติดตัวไปไหนก็ได้ สนใจมาเรียนรู้ร่วมกัน แอดไลน์มาได้ที่ ID:nethivath // 084-7541192 เพียงแค่เลือกสินค้าและวิธีการให้ถูก ผมเชื่อว่า คุณก็ขายสินค้าทางไลน์ได้เช่นกันครับ หรือติดตามอ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่ www.nethivath.com ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

เสี่ยงที่สุด คือไม่กล้าเสี่ยง

การขายสินค้าออนไลน์ ต้องมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน และองค์ประกอบนั้นๆ ก็ต้องสมบูรณ์แบบในตัวเองด้วย 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมทดลองไม่โฆษณาสินค้าผ่าน Adwords ดูผลปรากฏว่า ยอดขายสินค้าลดลงไปมากพอสมควร แค่เนี่ยก็เพียงพอคำการพิสูจน์คำว่า เสี่ยงที่สุดคือการไม่กล้าเสี่ยง แล้วนั่นเองครับ
เพราะว่า การโฆษณาผ่าน Adwords ต้องมีการจ่ายเงินค่าแคมเปญออกไปก่อนเพื่อเป็นเครดิตในการตัดเงินออกไป ตอนที่มีลูกค้าเห็นโฆษณาแล้วตัดสินใจคลิกลิงค์เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา การคลิกเข้ามาชมสินค้าในเว็บไซต์ของเรานั่นแปลว่า เราต้องจ่ายค่าคลิกแล้ว ลูกค้าจะซื้อหรือไม่ เป็นหน้าที่ของหน้าเว็บเราแล้วว่า มีรูปภาพ และบทความเพียงพอที่จะให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของเราหรือไม่ แต่หน้าที่ของ Adwords ได้จบลงแล้วคือ ส่งลูกค้าเข้ามาในร้านเราแล้วว่า งั้นเหอะ หน้าที่ต่อไป คือเว็บไซต์เรามีความสามารถมัดใจลูกค้าได้เพียงใด ฝีมือการทำเว็บให้ขายของได้ ก็พอวัดวากันได้ตรงนี้แหละครับ
” เสี่ยงที่สุด คือไม่กล้าเสี่ยง ” ด้วยเหตุผลดังนี้
– ผมไม่กล้าเสี่ยง ซื้อโฆษณาหรอก
– เสียค่าคลิกแล้ว ยังขายไม่ได้ก็ขาดทุนนะซี
– จะคุ้มมั้ยเนี่ย ของก็ซื้อมาตุ๋นไว้ เว็บก็ต้องจ้างเขาทำ ค่าโปรโมทเว็บยังต้องทำอีกหรือ?
– ไม่เอาดีกว่า หาทางอื่นให้คนเข้าเว็บดีกว่า เอาไว้ก่อน
อันนี้ผมทดลองด้วยตัวเองมากับมือแล้วนะครับ ได้ผลลัพธ์คือยอดขายสินค้าตก แต่ยังมีบางคนเทพมากๆ ไม่ต้องพึ่ง Adwords ก็ได้ ส่วนตัวผมคงต้องพึ่งพากันต่อไปตลาดกาล  แล้วพบกับครับ

ติดตามบทความได้ที่ www.nethivath.com

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

โฆษณาให้ติด Google หน้าแรกแล้ว ใช่ว่า จะขายสินค้าได้


"ผมโปรโมทเว็บให้ติดหน้าแรกของ Google ได้แล้วแต่ทำไมผมยังขายสินค้าไม่ได้เลย"

"ผมโปรโมทเว็บของผมผ่านเฟสบุ๊คแล้ว แต่ทำไมยังขายสินค้าไม่ได้เลย"

"วันหนึ่งๆ คนเข้าเว็บผมเยอะมากๆ แต่ไม่ยักมีใครสั่งซื้อของเลยอ่ะ"

โฆษณาให้ติด Google หน้าแรกใช่ว่า จะขายสินค้าได้ ร้านค้าออนไลน์ส่วนมากเข้าใจกันว่า การทำให้ติด Google หน้าแรกจะต้องขายสินค้าได้ อันนี้เราต้องมาแยกให้ออกก่อนนะครับ คือมันมีโอกาสในการขายสูงขึ้นเท่านั้นเองครับ เพราะการที่เราทำได้ ดีแล้วครับ มันตอบโจทย์ในด้านการรับรู้แบรนด์ รับรู้เว็บไซต์ของเรามาเป็นอันดับแรก

ส่วนการขายผ่านหน้าเว็บ หรือมีออเดอร์เข้ามาจะเป็นส่วนที่เราต้องพัฒนาและวิเคราะห์ต่อไป ให้ลูกค้ามาสั่งซื้อให้ได้ มีอีก 108 เหตุผลที่ลูกค้าไม่ยอมสั่งซื้อสินค้าจากหน้าเว็บของเราครับ เราต้องทำให้เว็บไซต์ ตอบโจทย์ 108 นี้ให้ได้มากที่สุด อันที่จริงผมว่า น่าจะ 108 เหตุผลคูณด้วย 100 เหตุผลด้วยซ้ำไปนะครับ เช่น เว็บไซต์อาจจะสมบูรณ์ทุกอย่าง แต่ถ้าลูกค้าไม่เชื่อมั่น ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่ลูกค้าจะไม่ตัดสินใจซื้อแล้ว หันไปซื้อสินค้าจากเว็บอื่นที่ไม่สมบูรณ์แบบเรา แต่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าแทนครับ

ดังนั้น อย่าหยุดที่จะพัฒนาเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ อย่านั่งรอให้ลูกค้ามาเจอหน้าเว็บเอง เพราะผู้รอคอย  ก็คือ ผู้ลอยคอกลางท้องทะเลนั่นเองครับ

ผมเคยเห็นรถที่วิ่งไม่ได้ด้วยเหตุผลง่ายๆ มาแล้วครับว่า  "เฮ้ยยังมีน้ำมันอยู่ เดี่ยวค่อยไปเติมปั้มหน้าก็แล้วกัน "


แล้วเจอกันโพสต์หน้าสวัสดีครับ


วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

สุขภาพดี เหมือนมีทรัพย์มหาศาล



เมื่อก่อนผมไม่ค่อยเข้าใจกับคำที่ว่า อะโรคะยา ปะระมา ลาภา แปลว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง เมื่อมาพิจารณาดูให้ชัดเจนก็เป็นความจริงครับ เพราะว่า ร่างกายเราพร้อม สุขภาพดี แข็งแรงถึงจะยากจนข้นแค้นอย่างไร ก็พอจะมีโอกาสสร้างชีวิตให้ดีขึ้นมาได้ ดูจากการรับสมัครงาน สิครับ ยังต้องมีการยื่นผลการตรวจสุขภาพด้วยว่า แข็งแรงดีไหม หรือมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า แต่เรามักมองข้ามไปซะมากกว่า เพราะหาซื้อผลการตรวจสุขภาพได้นั่นเองครับ 

จึงไม่ต้องไปเอาใจใส่อะไรมากมาย ไปมุ่งเน้นที่วุฒิการศึกษาดีกว่า จะให้ผลชัดเจนในเรื่องการเข้าสมัครทำงาน อันนั้นก็จริงครับ แต่จริงในบางส่วนที่เราคิด เพราะงานเราจะขับเคลื่อนไปได้ดี ก็ด้วยสุขภาพที่ดี และแข็งแรงมาเป็นอันดับแรก ลองเราพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือไม่ได้นอนสักคืน เราก็ทำงานไม่ไหวแล้วครับ ซึ่งเป็นความจริงที่ใกล้ตัวมากๆ แต่เรามองข้ามไปครับ อาหารเช้าไม่ต้องทาน รอทานเที่ยง ทานเย็นเลย ตามสไตล์คนเมือง ออกกำลัง หน้าจอคอมพิวเตอร์ ขยับนิ้ว และใช้เมาส์ก็พอ

เหงื่อออกไม่ต้องมี ร้อนหน่อยก็เพิ่มแอร์ให้เย็นฉ่ำสบายใจ ผลที่ตามมาคือ นิ้วมือชา บางครั้งก็เริ่มล็อค และปวดไปถึงกระดูก ปวดเก็งตรงนิ้วมือและหลังมือเนื่องจากการใช้แป้นพิมพ์มากเกินไป และปวดไปที่ข้อมือที่เก็งจากการใช้เมาส์ เนื่องจากนี้ เรายังชอบทานความหวานจากรสชาติของน้ำอัดลม หรือกาแฟ ซึ่งถ้าฉี่ออกมาแล้ว มดต้องวิ่งตามกันมาเลยทีเดียว

ที่ได้เขียนมาทั้งหมด ผมได้เข้าใจแล้วครับ เพราะมันได้เริ่มเกิดขึ้นกับผม แต่ยังดีที่ผมยังไหวตัวได้ทัน ก่อนจะลุกลามไปกว่านี้ จึงอยากแนะนำต่อเพื่อนๆ ว่า พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายทุกวัน ทานอาหารเช้า ลดเครื่องดื่มของหวาน และทานผักปลอดสารพิษ ทำจิตใจให้ผ่องใส ด้วยการทำบุญ รักษาศีล สวดมนต์ หรือฟังเสียงสวดมนต์ก็ได้ นั่งสมาธิ และแผ่เมตตา รับรองว่า ทุกท่านจะมีความสุขเหมือนมีทรัพย์มหาศาลอย่างแน่นอนครับ แล้วพบกันโพสต์หน้า สวัสดีครับ

 จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ
องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ
จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต.

พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ,
เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง.
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.อสีติ. ๒๘/๑๔๗.

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

มาทำวิทยุออนไลน์ เพื่อเสริมเว็บไซต์กันครับ

ภาพจาก http://curiousamerica.com
พอดีว่า ช่วงนี้ผมต้องศึกษาเรื่องจัดทำวิทยุเอาไว้ เพื่อเอาไว้ทำสปอตจะได้มีความรู้กับชาวบ้านเขาบ้างครับ ผมได้ใช้เวลาค้นหาข้อมูลนานพอสมควรในการทำวิทยุออนไลน์ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเฮียกูเกิ้ล ที่ช่วยให้ผมค้นเจอเว็บไซต์ดีๆ ในการหาข้อมูล เช่น การติดตั้งโปรแกรม SAM Broadcasting ซึ่งอันนี้เป็นพื้นฐานในการส่งเสียงออกช่องทางออนไลน์ครับ

ต่อมาก็คือเรื่องพอร์ตที่เกี่ยวกับ Radio Hosting ว่าเราจะไปหาพอร์ตที่ไหนมาเป็นตัวทำ Radio Steaming หรือตัวกระจายเสียงเราในอินเตอร์เน็ตนั่นเองครับ ผมก็ได้ทดลองหามาหลายตัวมาเจออันที่ฟรีและค่อนข้างดีเลยทีเดียวเลยคือ www.listen2myradio.com  รองรับผู้ฟังได้ทั่วโลก ได้แบบไม่สะดุดประมาณ 5,000 คน  มีข้อเสียนิดหน่อยคือ ฟังผ่านมือถือไม่ได้และถ้าเครื่องพีซีไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม Flash เอาไว้จะฟังไม่ค่อยได้ครับ เครื่องต้องติดตั้งโปรแกรมเสริมต่างๆ ด้วยเช่น VLC หรือ QuickTime และ windows media player

ส่วนเรื่องการติดตั้ง การสมัครต่างๆ ให้ค้นหาในยูทูปเอานะครับ มีผู้มาอธิบายไว้อย่างละเอียดแล้ว ที่ผมทำวิทยุออนไลน์ขึ้นมา ก็เพื่อฝึกทำการทดลองเปิดสถานีวิทยุออนไลน์  และในบางครั้งได้สนทนากับเพื่อนๆ และได้อัดคลิปเอาไว้ เลยเอามาออกอากาศออนไลน์ซะเลย เอาเป็นว่า ทำแบบสนุกๆ ขำๆ กันไปครับ และเพื่อให้ผู้อ่านได้เปลี่ยนบรรยากาศจากการอ่านบล้อคผม มาเป็นการฟังไปในตัวได้ด้วยครับ


สามารถรับฟังได้ที่เว็บไซต์ http://www.nethivath.com

ยังไงลองทดสอบฟังดูนะครับ ผมได้ติดโค๊ตเอาไว้ที่บล้อคแห่งนี้แล้ว ถ้าฟังไม่ได้ลองเปลี่ยนบราวเซอร์เช่น Google chrome หรือ Firefox และทำการ Reflesh เปิดฟังดูนะครับ ในโอกาสต่อไปผมจะลองจัดทำรายการต่างๆ เพิ่มเติ่มเข้ามา เผื่อได้เป็นดีเจออนไลน์แบบชาวบ้านเขาบ้างครับ

ปล. รายการตอนนี้มี
- คุยกันคนทำเว็บ สลับเปิดเพลงทั่วไปครับ
- บทสัมภาษณ์ผู้ได้ดื่มน้ำมังคุดผสมสมุนไพรแซนทิพย์โกลด์
- เสียงอ่านธรรมะ โดยโยมเพลิน
ช่วงเวลาอากาศ ยังไม่กำหนดครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

ไม่ใช่ผู้เชียวชาญ คิดแล้วต้องทำ

เชื่อว่า ในวันมาฆบูชาที่ผ่าน เพื่อนๆ หลายท่านคงได้ไปทำบุญ เวียนเทียน ทำประทักษิณบูชาพระรัตนตรัยอย่างอิ่มอก อิ่มใจ สงบสุขในบุญในกุศลกันมาแล้วนะครับ

อย่างที่ผมได้ออกตัวเอาไว้ก่อนแล้วนะครับว่า ผมไม่ใช่ผู้เชียวชาญ คิดและทำ  เพราะผมชอบการทดลอง คือคิดแล้วทำเลย ด้วยเหตุนี้ข้อดีของการเป็นพ่อค้าออนไลน์ช่วยได้มากคือ เราได้เรียนรู้อะไรในคอมพิวเตอร์หลายๆ อย่างมันน่าตื่นเต้นเอามากๆ ครับเช่น การออกแบบด้วยโปรแกรม การตัดต่อวีดีโอเพื่อโฆษณาสินค้า การออกแบบ Artwork การตกแต่งภาพประกอบ หรือการทำเว็บไซต์เป็นต้น ทุกอย่างที่กล่าวมา คือ การเป็นพ่อค้าออนไลน์ควรที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเมื่อมีเวลาว่าง เพราะโปรแกรมต่างๆ ที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ มันเป็นอะไรที่ตอบสนองการสร้างสรรค์ในจินตนาการของเราเองได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และเรายังสามารถแสดงผลงานผ่านอินเตอร์เน็ตโดยที่คนทั่วทุกมุมโลกสามารถเห็นผลงานเราได้

ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่ อีกส่วนหนึ่งผมก็ได้แจ้งให้ทางช่างทำการทุบตึกให้ทะลุกันทำออฟฟิศ สำหรับเก็บสินค้าเพื่อป้องกันสินค้าขาดสต้อค และให้ลูกค้ามั่นใจว่า เรามีสินค้าที่พร้อมในการจัดส่งจริงๆ และส่วนหนึ่งก็ได้ขายสินค้าทางออนไลน์ไปในตัวด้วยครับ

มาดูงานที่ผมได้คิดเองแล้วทำเลยดีกว่าครับ ซึ่งเป็นงานออกแบบง่ายๆ เพื่อให้ช่างเข้าใจตรงกันในสิ่งที่เราต้องการว่า เราอย่างได้ แบบไหนครับ ภาพด้านล่างนี้ เป็นภาพตึกที่กำลังทุบทะลุกันเพื่อทำเป็นออฟฟิศนะครับ

ด้านหน้าทางเข้า

ภายในชั้น 1

กำลังปรับปรุงพื้น และระบบท่อน้ำ

บันไดทางขึ้นไปชั้น 2

ทุบห้องให้ทะลุกัน ชั้น 2

จากตึกเดิมที่เคยเป็นห้องเช่ามาก่อน การมาปรับปรุงให้เป็นออฟฟิศต้องใช้พละกำลังในการทุบพอสมควรครับ ต้องขอขอบคุณโปรแกรม Google Sketchup ที่มีเครื่องไม้ เครื่องมือทำให้เห็นภาพล่วงหน้าในอนาคตก่อนว่า ต้องการออฟฟิศแบบไหน และเป็นอย่างไร มาดูกันครับ โดยผมได้ใช้เครื่องมือในการทำไม่เกิน 4 ตัว และทำไปด้วยเปิดเว็บที่มีสอนในยูทูปไปด้วยครับ

ด้านหน้าชั้น 1


มุมสูงชั้น 1 ด้านใน



มุมสูงด้านในชั้น 1 ทั้งหมด

โปรแกรมนี้ไม่จำเป็นต้องจบด้านการออกแบบ บ้านมานะครับ  เอาแค่ลองค้นหาความรู้วิธีใช้เครื่องมือในอินเตอร์เน็ตก็สามารถทำเองได้แล้วครับ ทำให้เราเห็นภาพคร่าวๆ ล่วงหน้าก่อนและบอกช่างได้ว่า เราต้องการงานให้ออกมาประมาณไหน โปรแกรมนี้ยังเหมาะกับงานที่ต้องใช้ความเร็วในการออกแบบ เช่น งานอีเว้น งานออกบูท ออกกิจกรรมต่างๆ ครับ

ผมคิดต่อยอดไปด้วยว่า จะเอาโปรแกรมนี้มาต่อยอดด้านงานออกแบบผลิตภัณฑ์ในบริษัทด้วย เพราะด้วยความที่มันใช้งานง่าย ไม่หนักเครื่อง และสะดวก คิดว่า น่าจะเหมาะสำหรับไกด์ไลน์ความคิดในเบื้องต้น

วันนี้ก็ถือว่า มาแชร์งานของผมก็แล้วกันนะครับ และคงเข้ากันได้กับหัวข้อที่ได้นำเสนอว่า "ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ คิดแล้วต้องทำ"  

 และผมอยากเสริมต่อด้วยว่า "ทำและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ให้สุดๆ ไปเลยครับ" ใครจะรู้มันอาจจะเวิร์คก็เป็นได้ครับ ที่แน่ๆ คือไม่ได้ทำ ไม่เวริค์ 100% แน่นอนครับ

เพื่อนๆ คนไหนมีคำแนะนำ ติชมกันมาได้ที่ mr.nethivath@hotmail.com ได้นะครับ 

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

หาความรู้ เปิดร้านค้าออนไลน์ และขายให้ได้!!

มีหลายที่ด้วยกัน ในเรื่องของการหาความรู้เพื่อเริ่มต้นเปิดร้านออนไลน์ ที่อยากแนะนำเลยคือ

1. เว็บไซต์อีเบย์ www.ebay.com
2. เว็บไซต์อเมซอน www.amazon.com
3. เว็บไซต์อาลีบาบา www.alibaba.com

(อันที่จริงค้นหาใน Youtube.com ก็เลือกฟังและศึกษาได้เป็นเดือนแล้วครับ ยิ่งฟังฝรั่งทำคลิปมาสอนได้นะครับ รับรองว่า ไม่ผิดหวังและมั่นใจว่า เปิดร้านแล้ว ขายของได้แน่นอนครับ)

ถ้าเราให้เวลาศึกษาโดยใช้ระยะเวลาสัก 1 เดือนก็จะเพียงพอสำหรับการเปิดร้านค้าออนไลน์แล้วล่ะครับ อันที่จริงประมาณ 7 วันก็พอครับ เพราะความรู้การเปิดร้านขายออนไลน์จะเกิดจากการกระทำมากกว่าครับ ทำตามหลักการทุกอย่าง แต่ขายของไม่ได้ก็มี อันนี้แหละครับ เป็นเสน่ห์ของการขายสินค้าทางเน็ต ให้เราต้องฝึกฝน เรียนรู้ ที่จะพลิกแพลงเอาครับ

ขอให้ตั้งเป้าหมาย ในการขายให้ได้ในเวลาที่เรากำหนดเอาไว้เช่น ต้องขายให้ได้กี่ชิ้นภายใน 1 เดือน เป็นต้น ต้องคิดอยู่เสมอว่า คนอื่นขายได้ เราก็ต้องขายได้ ฝึกฝนแสวงหาวิธีการที่เหมาะกับเรา เรียนรู้วิธีการของคนอื่นขาย เพื่อต่อยอดขายของเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ลอกเลียนแบบมาทำ จะไม่ยั่งยืนเหมือนวิถีทางของเราเอง

มีหลายตัวอย่างที่ผมทึ่งเอามากๆ เช่น ถ่ายภาพขายผ่านเว็บ หรือใช้โปรแกรมวาดงานกราฟฟิก และขายงานที่ตัวเองวาด บางคนที่ผมรู้จัก ออกแบบเว็บทำธีมขายก็มี ต้องยอมรับในความสามารถและอดทน จนขายของทางเน็ตได้ในที่สุดจริงๆ ครับ

ตลาดการขายสินค้าออนไลน์ยังเปิดกว้างอีกมาก สำหรับผู้ที่ไม่ยอมแพ้ และพร้อมอยู่เสมอ เหมือนกันคำของ ดร.เทียม โชควัฒนา เคยกล่าวเอาไว้ว่า


แล้วเจอกันโพสต์หน้าครับ

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

ให้และแบ่งปัน คือพลังแห่งความสำเร็จ


วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นผู้ประสบความสำเร็จทางด้านการลงุทนอย่างสูง แต่สิ่งที่น่าเชยชมน่ายินดีมากที่สุดคือ ความเป็นเศรษฐีใจบุญ รู้จักให้และแบ่งปัน และแบ่งปันถึง 70-80% จากรายได้ทั้งหมด ของตนเอง

บิลล์ เกตส์  ก็ไม่แตกต่างกันในเรื่องการให้แล้วการแบ่งปัน โดยได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือสังคม


โจวเหวินฟะ นักแสดงฮ่องกงชื่อดัง ประกาศว่าจะอุทิศสมบัติของตนอันได้มาจากการทำงาน รวมมูลค่า 5,248 ล้านบาท (164 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่หน่วยงานการกุศลเมื่อตนเสียชีวิต

และมีตัวอย่างอีกมากมายที่ไม่อาจสามารถจะหยิบยกมา กล่าวอ้างถึงทั้งหมดในที่นี่ได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดคือ ทำไมมหาเศรษฐีท่านเหล่านี้ ถึงบริจาคเงินเป็นจำนวนมหาศาลให้สังคมมากมาย ขนาดนั้นต้องมีเคล็ดลับอะไรบ้างอย่าง ที่เราไม่รู้

ดังนั้น เราไม่ต้องรอ ให้รวยเป็นร้อยล้าน พันล้านหรอกครับ เรามาลองพิสูจน์เคล็ดลับอันนี้ และเริ่มฝึกการให้ทุกๆ วันตั้งแต่วันนี้กันเลยดีกว่าครับ เริ่มจาก ให้สิ่งของบริจาค เช่น เสื้อผ้า หนังสือ ที่ไม่ได้ใช้แล้ว ก็นำไปมอบให้มูลนิธิ หรือวัดที่รับบริจาคก็ได้ครับ เช่น วัดสวนแก้ว เป็นต้น

การให้อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ การบริจาคเลือด ก็เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจไม่น้อยเช่นกันครับ

หรือจะให้ความช่วยเหลือสังคมต่างๆ เช่น การไปอ่านหนังสือให้คนผู้พิการทางสายตา การไปช่วยเหลือชุมชนต่างๆ แม้กระทั้งแอบไปล้างห้องน้ำวัด ก็ได้ครับ ถือว่า ให้แรงงานและเวลา ซึ่งมีคุณค่ามากๆครับ

ผมเชื่อว่า การให้และแบ่งปัน คือพลังแห่งความสำเร็จ เราไม่ต้องรอให้สำเร็จ เรามาให้ก่อน อาจจะมีผลลัพธ์อะไรบ้างอย่าง ที่ทำให้เราได้เข้าถึงและค้นพบสิ่งที่เราค้นหาอยู่ก็เป็นได้ แล้วอย่าลืมให้อภัยตนเอง และคนรอบข้างด้วยนะครับ

และสิ่งสำคัญของการทำเว็บขายสินค้าออนไลน์ คือต้องให้และแบ่งปันอย่างสม่ำเสมอครับ


วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558

สร้างเงินแสน จากงานออนไลน์



จริงหรือ? กับการสร้างเงินแสนกับงานออนไลน์ คำตอบคือ จริงและไม่จริงครับ เอ๋ตอบกวนๆ นะเนี่ย คือยังไงกับคำตอบที่ว่า จริงกับไม่จริง

ผมขอให้คำอธิบายเพิ่มเติมดังนี้ครับ

1. จริง สำหรับคนที่ทำได้ คือขายของทางออนไลน์แล้วมีผลตอบแทนเป็นเงินแสนกลับมา

2. ไม่จริง สำหรับคนที่ทำยังไม่ได้ครับ

ความจริงจึงมีสองแบบ สำหรับคนเราแค่นั้นเองครับคือ คนที่ทำได้ก็เป็นความจริง ส่วนคนที่ทำไม่ได้หรือทำไม่ถึง ก็ไม่เป็นความจริงครับ

ผมอยากให้เพื่อนๆ เปลี่ยนใหม่จากสร้างเงินแสนจากงานออนไลน์ มาเป็นสร้างเงินพัน จากงานออนไลน์จะดีกว่ามั้ยครับ เพราะเป้าหมายมันจะใกล้เข้ามาหน่อย และชัดเจนกว่า พอทำได้แล้วค่อยมาต่อยอดให้เป็นเงินแสนก็ยังไม่สาย มาเริ่มกันดีกว่าว่า สร้างเงินพันจากงานออนไลน์ทำกันยังไงดีครับ

ข้อที่ 1.หาความรู้

ข้อที่ 2.ลงมือทำเว็บ

ข้อที่ 3.ขาย

ข้อที่ 4.โฆษณาผ่านไลน์ ผ่านแฟนเพจ ผ่านอินสตาแกรม

ข้อที่ 5. รับออเดอร์ รับชำระเงิน จัดส่งของให้ลูกค้า

ข้อที่ 6. เพิ่มลูกค้า, เพิ่มยอดขาย

ข้อที่ 7. มีความสุข สนุกกับงานออนไลน์ และพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ

งานขายทางเว็บที่นิยมกันจะมีดังนี้ครับ

1. สร้างเงินพันจากงานออนไลน์ให้ต่อเนื่อง ในเบื้องต้นจะเหมาะกับคนทำงานอาชีพเฉพาะมาก เช่น รับงานเฉพาะต่างๆ ผ่านเว็บ มีรับพิมพ์งาน รับทำบัญชี รับออกแบบ รับแปลภาษา รับจัดดอกไม้ เป็นต้น เพราะสามารถประกาศลงเว็บ รับงานได้เลย แต่เราจะเหนื่อยเมื่อมีงานเข้ามาเยอะจนเราทำไม่ไหว และทำงานให้ลูกค้าไม่จบ มีแก้ไขเรื่อยๆ ครับ

2. ส่วนงานนำสินค้ามาขายผ่านเว็บของตัวเองที่สร้างขึ้นมา จะยากกว่าสักหน่อย ในเบื้องต้นแต่จะง่ายเมื่อสินค้าขายได้ และติดตลาดเพราะขายสินค้าทางเว็บได้แล้วจะค่อยข้างจบงานเลยครับ ยกเว้นสินค้าที่ต้องมีเคลมให้ลูกค้าก็ว่ากันตามเงื่อนไขของสินค้าที่จะนำมาขายครับ

3. มีงานขายสินค้าบางอย่างที่มีระบบดีๆ แต่เราต้องศึกษาองค์ความรู้ให้เยอะ และใจเย็นนั้นคือ ระบบขายแบบ Dropship หรือทำการโฆษณาสินค้าและขายอย่างเดียว สินค้าทางผู้ผลิตจะเป็นคนส่งให้

4. งานขายแบบ Affiliate Program หรืองานโฆษณาสินค้าผ่านลิงค์ ถ้ามีคนคลิกเข้ามาซื้อสินค้านั้นๆ เราก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นเข้ามาตามสัดส่วน ที่เราได้สมัครเข้าร่วมเอาไว้

จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 แบบเป็นงานขายทั้งนั้น เพียงเปลี่ยนจากขายผ่านหน้าร้าน มาเป็นขายผ่านหน้าเว็บแทนเท่านั้นเอง

ถ้าอยากลองดูว่า ขายได้ไม่ได้ ลงมือทำเว็บแล้วก็ขายของ แค่นั้นแหละครับคือคำตอบ แล้วอย่าลืมให้เริ่มต้นจากระบบทดลองก่อน จะดีกว่า เป็นการเรียนรู้ในเบื้องต้น มั่นใจแล้วค่อยขยายที่ ขยายทางก็ยังไม่สายครับ

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทำถูกที่ ถูกเวลา ในทุกๆ อย่างแล้วผลลัพธ์จะดีเอง



ท่านเคยมีประสบการณ์กับคำว่า ทำถูกที่ ถูกเวลา กันบ้างไหมครับ บางคน มีจังหวะของชีวิตที่ดี ก็ทำถูกที่ ถูกเวลา ทำอะไรก็รุ่ง หรือบางคน ซื้อหวยตรงกับเลขที่รัฐบาลออกพอดี ก็มีเงินขึ้นได้เช่นกันครับ แต่มันเป็นเรื่องที่คาดการณ์หรือ คาดเดาได้ยากเป็นจำนวนน้อยของหนึ่ง ในร้อย ในพัน ในแสน

ผมขอมาแชร์เรื่องของผมดีกว่าครับว่า ทำถูกที่ ถูกเวลา เป็นอย่างไร เอาเรื่องตอนสมัยผมยังเป็นเด็กเมื่อตอนเรียนชั้นประถมศึกษา ที่ต่างจังหวัดดีกว่า ในตอนนั้น เด็กต่างจังหวัด วันๆ ก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ และเสาร์-อาทิตย์ ก็จะไปช่วยงานที่นา ที่ไร่บ้าง ถ้าเป็นช่วงต้นฝน ปลายร้อน และโรงเรียนปิดเทอมก็จะดีหน่อย เพราะในช่วงนั้น จะมีอาชีพอย่างหนึ่ง ที่ตอนนั้น เด็กแทบจะทุกคน ต้องทำกันทุกหลังคาเรือนคือ การหาปลากบ หาเขียด หากิ่งกา หาของป่าแล้วแต่ช่วงฤดูกาล ซึ่งตอนนั้น ปลายร้อน ต้นฝน ก็จะฮิตหากบกัน  และหาแข่งกันไปขายในตลาด ใครหาได้มาก ก็ขายได้มาก กบตัวใหญ่ ก็จะได้ราคาดีขึ้นอีก

 วิถีการหาคือ ใช้คันเบ็ดตกกบ และเหยื่อซึ่งก็จะเป็นเศษอาหาร แมลง หรือ ไส้เดือน เป็นต้น และก็ใช้ใบไม้ คล้องกับเบ็ต และค่อยๆ ดึงเพื่อให้ดูเหมือน เหยื่อกำลังวิ่งบนน้ำอยู่ จากนั้นก็จะมีกบค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ เพื่อวิ่งตามเหยื่อมาจนถึงฝั่ง เราก็จะเปลี่ยนเอาใบไม้ออก และใส่เหยื่อเข้าไปเพื่อหย่อนเบ็ด ลงไปให้กบกินแทน ซึ่งการใช้วิธีล่อให้กบ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และออกมาจากรู ด้วยใบไม้จะใช้เวลานานมาก แต่ก็นิยมทำกัน และต้องไปตอนเช้า หรือตอนเย็นๆ เท่านั้น เพราะแดดไม่ร้อน เพื่อนๆ เยอะ สนุกสนาน ถ้าใครตกกบได้ ก็จะพากันวิ่งมาดู และชมเชยกันตามประสาเด็ก

 ในตอนนั้น บ่อน้ำจะมีเยอะ เพราะตามต่างจังหวัด ทางการกรมทางหลวงจะขุดดินข้างทางขึ้นมา เพื่อทำถนน หมู่บ้านหนึ่งๆ เหมือนมีคลองข้างทางยาวคู่ขนานตามถนนไป พอมีฝนตกลงมาก็จะมีกบ เขียดและปลา มาอาศัยอยู่มากพอสมควรครับ

ผมได้วิธีการตกเบ็ด และหากบให้ได้เยอะๆ โดยบังเอิญ ซึ่งก็ไม่ยากอะไร จากปกติจะต้องใช้ใบไม้ตกล่อกบออกมาให้กินเหยื่อ  แต่ผมใช้วิธีไปตอนบ่ายโมง ตอนแดดร้อนจัดๆ ยิ่งดี ผู้ใหญ่ก็จะถามผม อย่างแปลกใจว่า ทำไมไม่ไปตอนเช้าๆ หรือเย็นๆ แดดอ่อนๆ ไม่ร้อนไม่ดีกว่าเหรอ แถมยังมีเพื่อนๆ ด้วย ผมก็ไม่พูดอะไร เพราะตอนบ่าย 1 โมงถึงบ่าย 2 โมงนี่แหละคือนาทีทองของการตกเบ็ดกบ เพราะเมื่อน้ำในบ่อร้อนมากๆ กบก็จะโผล่จากน้ำขึ้นฝั่งมาเอง เพื่อมาหลบร้อน หลบแดดตามพุ่มไม้ใบหญ้า ตามฝั่ง เราเพียงแค่เดินให้เงียบ และหย่อนเบ็ดพร้อมเหยื่อเลย ตกบ่อนี่เสร็จก็สามารถเดินไปตกบ่ออื่นๆ ได้เรื่อยๆ กบก็จะสลับกันขึ้นมาให้ตกได้ตลอด

ที่สำคัญไม่มีคนมาตก ไม่มีคู่แข่งเพราะเขาไม่รู้เคล็ดลับนี้ นาทีทองจะมีแค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะเลือกกบตัวใหญ่เท่านั้น ไม่หย่อนเบ็ตตกมั่วให้เสียเวลา เวลาเอาไปขายก็จะได้ราคามากกว่า

เป็นเรื่องที่ผมทำได้ถูกที่ ถูกเวลาในครั้งแรกของชีวิตเลยจะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ และได้โดยบังเอิญตอนสมัยเด็ก แต่กว่าผมจะรู้เคล็ดลับนี้ ก็ใช้เวลาทำตามเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันมาถึง 3-4 ปี มารู้ก็ตอนใกล้จบประถมแล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกไม่นาน ผมก็เดินทางมาศึกษาต่อในเมือง ไม่มีโอกาสได้ตกเบ็ดกบอีกแล้วครับ แต่เพื่อนๆ ของผมก็ยังสังสัยอยู่ว่า ทำไมถึงตกกบได้เยอะจัง และได้ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นด้วย ทำยังไงฟ่ะ ผมก็ได้แต่อมยิ้มและบอกว่า ข้ามีคาถาดีโว้ย เรียกกบ เรียกเขียดมากินเหยื่อได้ 555+

คำว่า ทำถูกที่ ถูกเวลา ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ขายของทางเน็ต หรือทำงานถูกที่ ถูกทาง หรือลงทุนหุ้นถูกตัวเท่านั้น ผมว่า มันควรเป็นทุกๆ เรื่องที่เราทำนะ เราควรทำให้ถูกที่ ถูกเวลาและถูกจังหวะ อยู่เสมอถ้าเป็นไปได้ เพราะผลลัพธ์ที่ได้ มันจะคุ้มค่า กว่าเราทำแบบไม่มี แบบแผนการมาก่อนแน่นอน หรืออาจจะเรียกว่า ทำน้อย แต่ได้มากก็ได้ ผมเชื่ออย่างนั้นครับ ลองดูก่อนไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนทั้งหมดนะครับ

หวังว่า บทความนี้ จะมีประโยชน์ในการขายของทางเน็ตกับเพื่อนๆ นะครับ แต่ไม่ต้องไปตกเบ็ดกบอย่างผมหรอกนะครับ มันธรรมดาเกินไป จริงมั้ยครับ และที่สำคัญ น้ำในคลอง หนอง บึงไม่สะอาดเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะครับ  เจอกันโพสต์หน้า ขอบคุณครับ ที่ติดตามอ่านกันมาจนจบครับ

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ขายของผ่านเน็ตไม่ได้ ทำไงดี


คำถามนี้ เป็นปัญหาหลักๆ ของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ในการขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งการขายไม่ได้ถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งบางคน เพิ่งทำเว็บเสร็จแล้ว คาดหวังสูงว่า จะให้ขายสินค้าได้เลย โดยไม่ได้ทำการตลาดออนไลน์เลย หรือไม่รู้เลยว่า ต้องทำการตลาดออนไลน์ด้วย

เป็นเรื่องที่ น่าปวดเศียร ถ้าหากนักการตลาดออนไลน์ เจอกับคนที่ไม่เข้าใจ เรื่องการทำตลาดออนไลน์ว่า ต้องทำอย่างนี้ ด้วยเหรอ  ไม่มีอะไรที่ไม่ลงทุนครับ แม้กระทั้งเปิดร้านขายของทั่วไป ยังมีค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าทำป้ายโฆษณา หรือค่าทำสื่อต่างๆ ในพื้นที่ ทางทีวี ทางวิทยุ
 

การตลาดออนไลน์ก็ต้องทำด้วยเช่นกันครับ เช่นต้นทุนในการหาข้อมูล การเขียนบทความ การทำคลิปวีดีโอ การทำคลิปเสียง การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอประกอบ ซึ่งแต่ล่ะงานต้องใช้เวลาทั้งนั้น

นี่แหละครับ คือปัจจัยหนึ่งของที่มา ในการขายของทางเน็ตไม่ได้ หรือไม่มียอดสั่งซื้อทางเน็ต เข้ามาเลยเพราะแค่ทำเว็บ ถ่ายภาพสินค้า ลงรายละเอียด และอัพราคาอย่างเดียวไม่พอ !! ครับ


เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Amazon.com หรือ Alibaba.com เองก็ประสบปัญหาไม่มีกำไร และขาดทุนในช่วง 10 ปีแรก กว่าจะมาเป็นเว็บที่มียอดขายดีระดับโลก ก็ลองผิดลองถูกมาอย่างยาวนาน ด้วยเช่นกันครับ

ดังนั้นต้องรู้จักรอคอย เพื่อเรียนรู้ และปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เสมอ ให้ระยะเวลามาเป็นส่วนประกอบ ปลูกผลไม้ยังต้องรอเป็น 10 ปี  การทำเว็บไซต์ให้ดี ไม่ใช่ทำแค่วันเดียวครับ  ขอให้นิยามใหม่ว่า ขายของผ่านเน็ตไม่มีคำว่า ขายไม่ได้ มีแต่เลิกขายไปก่อนครับ ขอให้ทุกท่านจงโชคดีในการขายของออนไลน์ แล้วเจอกันโพสต์หน้า ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อินเตอร์เน็ต ขุมทรัพย์ของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

นับเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่จะ ขายของทางอินเทอร์เน็ตให้ได้ดี มีกำไร โลกอินเตอร์เน็ต เปิดกว้างเสมอ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ โดยมีตัวอย่างการขายสินค้าและสามารถสร้างกำไร 5 หมื่นบาทได้ ด้วยการขายครั้งเดียวมาแล้ว


เรื่องมีอยู่ว่า ลูกค้าท่านหนึ่ง ต้องการขายรถยนต์ แต่ไม่รู้จะหาใครมาซื้อรถยนต์ ที่ให้ราคาตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ พอดีได้รู้จักกับ หนุ่มช่างซ่อมรถ ลูกชายของเพื่อนบ้านอยู่ใกล้กัน เลยเอ๋ยปากบอก เจ้าหนุ่มว่า ขายรถคันนี้ให้ลุงหน่อยสิ อยากขายในราคา 2 แสนบาท เจ้าหนุ่มนักซ่อมรถ มีความรู้ เรื่องรถ สภาพรถ ดีอยู่แล้ว เลยบอกลุงว่า โอเคครับ งั้นผมขอค่าคอมสัก 5-10% ได้มั้ยครับ ลูงแกบอกว่า ไม่ได้หรอก ส่วนต่างให้ไปบวกเอาเองเลยก็แล้วกัน ลุงขอ 2 แสนก็พอ เจ้าหนุ่มจะบวกเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนที่เกินมาก็เอาไปได้เลย

ด้วยสภาพรถเดิมๆ ไม่มีการตกแต่งเพิ่ม จากสายตาเจ้าหนุ่มช่างซ่อมเพียงได้เช็ค เปิดดูเครื่องยนต์ มองดูก็รู้ เป็นรถบ้านเจ้าของคนเดียวมาตลอด สภาพไม่เคยชนหนัก แถมยังเป็นรถประกันภัยชั้น 1 อยู่

หนุ่มช่างซ่อมก็ได้ โพสต์ประกาศขายรถผ่านเน็ต รับรองคุณภาพรถโดยซ่อมให้ฟรี 1 ปี ถ้ามีปัญหา ต่อยอดจากที่ตัวเองเป็นช่างซ่อมรถอยู่แล้ว ผ่านไป 2-3 วัน ก็ได้มีลูกค้าติดต่อเขามาเพื่อซื้อรถและขอดูรถ ด้วยทักษะการเป็นช่างยนต์มาก่อน ความน่าเชื่อถือและการตัดสินใจซื้อจากลูกค้าก็มาเกินครึ่งแล้ว หลังจากหาไฟแนซ์ได้ ลูกค้าก็ตัดสินใจซื้อไป

ซึ่งราคาที่ช่างซ่อมคนนี้ ขายไปคือ 2 แสนห้าหมื่นบาท ส่วนต่างคือกำไร 5 หมื่นบาท รับไปเลยครับ จากการขายสินค้าเพียงครั้งเดียว

จะเห็นได้ว่า ทุกคนมีจุดแข็ง เพียงแค่รู้จักเอาจุดแข็งมาต่อยอด ก็สามารถเป็นพ่อค้าแม่ออนไลน์ ที่สร้างกำไรจากการขายเพียงครั้งเดียวได้แล้วครับ

ถ้าหนุ่มซ่อมรถยนต์คนนั้น เป็นคุณ  และขายได้ เดือนล่ะ 1 คัน เป็นงานเสริมจะดีมั้ยครับ 

แล้วพบกันโพสต์หน้า ขอบคุณครับ

ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 3

วันนี้ผมขอมาไข ข้อข้องใจในปัญหาข้อที่ 1 ของการนำสินค้ามาขายหรือหาสินค้ามาขาย  จากบทความร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 1

              คุณวิกรม กรมดิษฐ์ เคยกล่าวเอาไว้ที่ช่อง 3 ในรายการ Big Mum แล้วคุณหม่ำถามในรายการว่า ขายอะไรดี ทำอะไรดี ช่วงนี้ ซึ่งคุณวิกรมตอบเอาไว้ดีมากเลยครับคือให้ดูตลาดก่อน ศึกษาตลาดให้ดีก่อน จุดสำคัญคือ หาสิ่งที่ต้องการของตลาดมาขาย และยังไม่มีคนทำ มาขาย (สนใจคลิปนี้ไปดูที่นี่นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=QWtc943EZLY ) ซึ่งตรงนี้ ป๋าเทพแย้งเอาไว้ว่า มันหายากนะว่า อะไรคือสิ่งที่ตลาดต้องการ และยังไม่มีคนทำ ลองชมคลิปกันดูเอานะครับ


กลับมาปัญหาข้อที่ 1 ต่อของการนำสินค้ามาขาย ผมใช้วิธีสไตล์ผมคือ ถามเจ้าของสินค้าเลยว่า ขายดีมั้ยถ้าผมจะรับของคุณมาขาย แน่นอนครับ ไม่มีใครตอบหรอกว่า ของผมขายไม่ดี เขาก็จะตอบว่า ขายดีครับ หรือพอไปได้นะ โอเคเลยล่ะ ฯลฯ

จากนั้นให้เราถามต่อเลยครับว่า สินค้าตัวนี้ มีการตลาดอย่างไรบ้าง ซึ่งคำถามนี้อาจจะดูกว้างไป ผมจะถามแบบนี้เลยครับว่า สินค้าตัวนี้ พี่โฆษณาผ่านช่องทางไหนบ้างครับ เช่น สื่อทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายแบนเนอร์ต่างๆ หรือเว็บไซต์ชื่อดังเป็นต้น ครับ

ถ้ามีเขาก็จะให้คำตอบเรา ถ้าไม่มีเราก็พอจะทราบได้บ้างแล้วล่ะครับว่า ขายของที่คนรู้จัก กับขายของที่คนไม่รู้จัก มันยากและเหนื่อยประมาณไหน ใช่มั้ยครับ ที่ผมเจอสินค้าจะเป็นประมาณนี้ครับ


1.สินค้า+ไม่มีคนรู้จัก = ทำการโปรโมท, ให้ทดลองใช้, แล้วค่อยขาย (ควรมีต้นทุนต่ำ+กำไรดี)

2.สินค้า+คนรู้จักดีแล้ว = ขายได้เลย (ต้นทุนสูง+กำไรน้อย)

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วล่ะครับว่า เลือกอันไหนที่จะพอขาย หรือเลือกสินค้าทั้งสองแบบ 50+50  แต่ถ้าใช้หลักการของคุณวิกรม จะเห็นว่า เป็นการสร้างสินค้า นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ไม่มีอยู่ใน 2 ข้อนี้ ซึ่งต้องเป็นผู้เชียวชาญในตลาดอย่างที่สุดเลยทีเดียวครับ

 การหาสินค้ามาขายก็เหมือนเลือกคู่รักล่ะครับ ถ้าสินค้าดี มีการสนับสนุนดีจากผู้ผลิต ก็อาจขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ถ้าเลือกผิดก็สินค้าที่หาซื้อมาอาจกองท่วมหัวที่บ้านเลยทีเดียวครับ

คำตอบตามสไตล์ผมคือ ให้เริ่มสต้อคแต่น้อย เพื่อเช็คตลาดสำหรับสินค้าที่คนไม่รู้จัก

ส่วนสินค้าที่คนรู้จัก และขายดี ให้สต้อคเยอะเพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำที่สุด แต่ทั้งนี้ ต้องบริหารสต้อคให้ดีนะและมั่นใจว่า เราขายได้ตามเวลาที่เรากำหนดแน่นอนครับ

ถ้ามีงบซื้อของจำกัดให้ทำแบบ พรีออเดอร์ เอารูป+ข้อมูล+ราคา มาลองขายผ่านหน้าเว็บดูก่อน ถ้ามีลูกค้าติดต่อมา ค่อยพัฒนาต่อยอดขึ้นไป ก็ยังไม่สายครับ

วันนี้ พอแค่นี้ก่อน ขอให้ทุกท่านจงโชคดี แล้วพบกันโพสต์หน้ากับผมมิสเตอร์สิงห์ครับ


วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 2

มาต่อกันครับ ในขณะที่ผมเข้ามาทำงานประจำรอบ 2 เพื่อมาเลียแผลใจจากการขายของออนไลน์ที่ขายไม่ได้เลย ทำให้ผมต้องมานั่งคิดว่า เอ๋ทำไมเราขายสินค้าผ่านเว็บไม่ได้ ในเมื่อเราก็ทำเว็บเป็นเนี่ย ไม่ต้องไปจ้างใคร แล้วคนที่เขาทำไม่เป็นทำไมเขาขายสินค้าได้ โดยมีน้องคนหนึ่งทำงานแผนกเดียวกัน น้องไม่ได้ทำหน้าเว็บ จดชื่อเว็บดอทคอมให้หรูหรา หรือมีระบบบริหารจัดการร้านค้าขั้นเทพอะไรเลยก็ยังขายของได้ และขายผ่านเฟสบุ๊คซะด้วย..


ทำให้ผมต้องมานั่งเทียน เพ่งพิจารณาดูหน้าเว็บของน้องเขา แล้วนึกในใจว่า "เฮ้ยขายได้ไงฟ่ะ" ขายกระเป๋าซะด้วย ซึ่งมีคู่แข่งเต็มไปหมดในท้องตลาด เอาล่ะผมเลยมาสมมุติตัวเองเป็นลูกค้าหน่อยสิว่า ถ้าเราหลักการต่างๆ ที่เราเคยเชื่อว่า เราทำเว็บเป็น มันก็ต้องมีภาษีดีกว่า คนทำเว็บไม่เป็นสิ ลดอีโก้ตัวเองลง มาศึกษาเครื่องมือ ที่น้องเข้าใช้ในการขายนั่นคือ facebook store ค่อยๆ อ่านและพิจารณาและสรุปข้อดีต่างๆ มาได้ดังนี้

ข้อดี ข้อที่ 1. เฟสบุ้คเป็นอะไรที่ใครๆ ก็ใช้มีการแชร์กัน แชร์เรื่องส่วนตัว โพสต์ไปเที่ยว ทานข้าว นัดกับแฟน มีเรื่องราวส่วนตัว จิปาถะ เสมือนเราไปมีชีวติในโลกเฟสบุ๊คให้คนได้ติดตาม เช่น น้องคนนี้ แชร์ภาพส่วนตัว หรือข้อความดีๆ ก็จะมีคนมากดไลค์บ้าง สอบถามบ้าง มันทำให้เกิดกิจกรรมได้ ทุกๆชั่วโมง ไม่น่าเบื่อ มีเรื่องใหม่ๆ มาตลอด

ข้อดี ข้อที่ 2. การอัพภาพถ่ายสินค้าทำได้รวดเร็วมาก ถ่ายจากมือถือก็อัพได้เลย ไม่ต้องใช้ photoshop ขึ้นเทพมาตกแต่ง

ข้อดี ข้อที่ 3. การได้เห็นเพื่อนๆ มากดไลค์ ทำให้รู้ว่า มีคนสนใจนะ หรือมีคนมากดเพราะมารยาทก็มี แต่น้อย (เพราะถ้ากดไลค์ น้องเขาจะเฟสมาถามเลยว่า เอามั้ยค่ะ)

ข้อดี ข้อที่ 4. ความเชื่อมั่น ในเรื่องตัวตนว่า มีจริงมั้ยในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลัวเอามากๆ เพราะกลังโอนตังค์ฟรี ไม่มีของส่งให้ หรือตามตัวไม่ได้ แต่ถ้าเห็นการโพสต์การแชร์ มีกิจกรรมคนอื่นๆ มาร่วมด้วย มันก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า น่าเชื่อถือ (ถ้าไม่จริงคงไม่โพสต์หน้าตา ตัวเองเยอะขนาดนี้แหละน่า)

ข้อดี ข้อที่ 5. เรียลไทม์ หรือความทันท่วงที ที่ facebook ตอบโจทย์เช่นมีคนสนใจกดไลค์ หรือส่งข้อความมาถามก็จะทราบได้ทันที และคนถามบางทีไม่ต้องการโทร ทักมาก่อนเพื่อทดสอบว่า มีคนขายจริงๆ หรือเปล่า ถ้าขายจริงก็ต้องมีคนตอบกลับมา ตรงนี้ facebook เขาจัดให้ได้

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา ที่ผมมานั่งเทียนพิจารณาแล้วอืม เราไปมุ่งมั่นทำเว็บขายของให้เมื่อยตุ้ม แล้วก็ยังขายของไม่ได้อีก ก็เป็นเพราะว่า เราเริ่มต้นแบบสไตล์บริษัท คือเริ่มต้นใหญ่เลย จดชื่อเว็บ เช่าพื้นที่ แต่เราไม่ได้เริ่มต้น จากสิ่งที่เราเป็น และมีอยู่ เก็ตเลยครับ เชื่อมั่นว่า ผมลองโพสต์ขายสินค้าผ่านเฟสบุ้ค จากนั่นอีก 2 วันก็ขายของได้แล้วครับ 



ซึ่งเหตุผล 5 ข้อของการขายของได้นี้ อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเหตุผล 5 ข้อที่ขายของไม่ได้ทางตรงสักเท่าไหร่ แต่ได้เหตุผลทางอ้อมแน่นอนครับ เลยทำให้ผมเข้าใจว่า วิธีการขายของออนไลน์ มันคือมหาสมุทรของการเรียนรู้ ไม่จบสิ้นและต่อยอดไปเรื่อยๆ แล้วเจอกันบทความหน้าครับ  ซึ่งผมสามารถแก้ไขงานขายของได้ (ขายของได้ มันก็มีกำลังใจทำต่อครับ) แต่ 5 ข้อของความล้มเหลวคงยังอยู่นะครับ

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 1



วันนี้ ผมคันไม้ ค้นมือขึ้นมา เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ การทำร้านค้าออนไลน์ของผมกับเขาบ้าง ตามสไตล์ของผม เพราะว่าช่วงนี้ บ้านเราเริ่มเข้าใจและมีลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ หรือทางเว็บมากขึ้น

ผมเชื่อว่า เพื่อนๆ หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คงมีความฝันที่ต้องการอยากจะเปิดร้านออนไลน์ให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หรือบางท่านก็ได้เปิดมาแล้ว แต่ยังขายไม่ค่อยดี  หรือไม่ ก็มีบางท่าน ที่มีร้านขายของออนไลน์ที่ขายดีอยู่แล้ว แต่ต้องการมาอ่านเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม

จะอย่างไรก็แล้วแต่ ลองมาดูสไตล์การขายของออนไลน์ ของผมกันบ้างครับ จากการที่ผมเคยแต่ทำงานเป็นเบื้องหลังให้กับหลายๆ บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการขายของออนไลน์ทั้งนั้น โดยทำหน้าที่เป็นฟั่นเฟืองเล็กๆ เช่น ทำหน้าที่เขียนรีวิวสินค้า ถ่ายภาพสินค้า หานางแบบ นายแบบมาประกอบเพื่อทำโปรโมชั่นสินค้า ตามเทศกาลหรือฤดูกาลต่างๆ ก็เลยมีความคิดว่า เราน่าจะออกมาทำเองดูน่า ท่าจะรุ่ง เอ้ามาลองดูสักตั้ง  เพราะเห็นยอดการสั่งซื้อในแต่ล่ะเดือนแล้ว รู้เลยว่า มูลค่ามหาศาลเอามากๆ ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาขายเองดู ผลสรุปออกมาก็คือ เจ๋งแบบไม่เป็นท่าเลยครับ เพราะมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้

1.สินค้าที่นำมาขาย ไม่ใช่สินค้าที่เขานิยมในตลาด ราคาทุนมาดีจริง กำไรงามแต่ขายของไม่ได้ เพราะยี่ห้อไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้ผมประสบปัญหา สต้อกบวม และก็ช้ำครับ

2.วิธีการหาสินค้าเข้ามา ไม่ใช่แค่เรื่องราคาอย่างเดียวต้องมีรูปภาพประกอบและรายละเอียดสินค้า พร้อมทั้งราคาที่มีความเหมาะสมในสภาวะของตลาด และควรมีรีวิวจากผู้ที่เคยซื้อใช้ ลองใช้ด้วยนะครับ (ตอนนั้น ผมร้อนวิชาเลยไม่ทันคิด เห็นว่า ถูกเอาไว้ก่อน ซื้อเลยครับ คิดถึงทีไร จี้ดใจทุกที)

3.มั่นใจตนเองสูงมากเกินไป ด้วยจุดแข็งที่ผมมีคือข้าทำเว็บเป็น ไม่ว่าจะเป็นระบบ Wordpress+Woocommerce หรือระบบขายของออนไลน์อย่าง Joomla+visual mart ติดตั้ง ตกแต่ง ถ่ายภาพ อัพราคาสบายๆ งานถนัด ทำให้ไม่ได้ไปมองวิธีการของคนอื่นที่เขาทำเว็บธรรมดาๆ แต่ขายของได้ โดยลืมคิดไปว่า ทำเว็บเป็น กับทำเว็บขายของได้ มันคนล่ะเรื่องกันเลยครับท่าน (ทำเป็นแล้ว ขายของไม่ได้ แล้วไงล่ะ)

4.ฐานลูกค้าที่รู้จักเป็นการส่วนตัว หรือที่เขาเรียกกันว่า คอนเน็คชั่นไม่มีครับ คือพูดง่ายๆ เปิดเว็บได้ มีของขาย แต่ฐานลูกค้าปากเปล่า หรือปากต่อปากที่เ่คยค้าขายกันมาก่อนไม่มีครับ

5.ขาดแนวคิดต่อยอด คือการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง การตั้งคำถามในแต่ล่ะวัน การตั้งเป้าหมายของงานขายของออนไลน์ แบบแผนการคร่าวๆ ที่เอาไว้ตรวจสอบเก็บข้อมูลต่างๆ คือ ไม่มีแผนการว่างั้นเถอะ ขายแบบกองโจรจริงๆ ครับ

ด้วยเหตุผลที่ผมนึกได้ 5 ประการนี้ ก็เพียงพอสำหรับให้ผมต้องทิ้ง ความฝันเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ ไปเลียแผลหางานทำใหม่สักพักใหญ่ๆ แล้วครับ

วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ มาต่อกันโพสต์หน้า ยังๆ ผมยังไม่ยอมแพ้เพราะมีความเชื่อและมีความฝันอยู่ลึกๆ อยู่ว่า เว็บของเรามันต้องขายได้บ้างสิ :) แล้วเจอกัน พร้อมกับบทความใหม่ของผมภาคต่อ ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 2  และ ในบทความต่อไปผมก็สามารถแก้ไขปัญหาทั้ง 5 ข้อได้ และเริ่มขายสินค้าได้  แล้วพบกันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

งานถ่ายภาพที่ใครๆ ก็ถ่ายได้

ด้วยเทคโนโลยีของมือถือ ที่ติดตั้งกล้องมาในตัว ถ่ายแล้วแชร์ผ่านเฟส ผ่านไลน์ได้เลยเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวัน ของเราคนไทยไปแล้วครับ วันนี้ผมก็มาแชร์ภาพถ่ายจากกล้องมือถือ ที่ไม่ต้องปรับเลนส์ ปรับค่า F ให้ปวดหัวไม่ต้องวัดแสง อยากถ่ายก็ ยกมือถือถ่ายได้เลย จัดไปครับถ่ายจากมือถือล้วนๆ

หมอกลงจัดเส้นหมายเลข 9 ไปอยุธยา

วิ่งเส้นหมายเลข 9 มุ่งหน้าไปอยุธยา

ขากลับแวะปั้มเติมพลังชีวิตสักหน่อยครับ

ทุ่งพระนเรศวร มีสระน้ำขนาดใหญ่บรรยากาศดีมากๆครับ


มีน้องหมา มาวิ่งออกกำลังกายซะด้วย



กล้องจากมือถือเก็บรายละเอียดเมฆได้ดีทีเดียวครับ



ถ่ายจากมือถืออีกเช่นกัน ภาพก่อนพระอาทิตย์ขึ้นที่ผามออีแดงครับ



ถ่ายย้อนแสงพระอาทิตย์แบบไม่มี แสงสะท้อนมาที่เลนส์ให้กวนใจครับ

ปล.ถ่ายมายังไง อัพไปอย่างนั้นเลยไม่ได้แต่งแสง สีใน photoshop ครับ

Recent News