มาต่อกันครับ ในขณะที่ผมเข้ามาทำงานประจำรอบ 2 เพื่อมาเลียแผลใจจากการขายของออนไลน์ที่ขายไม่ได้เลย ทำให้ผมต้องมานั่งคิดว่า เอ๋ทำไมเราขายสินค้าผ่านเว็บไม่ได้ ในเมื่อเราก็ทำเว็บเป็นเนี่ย ไม่ต้องไปจ้างใคร แล้วคนที่เขาทำไม่เป็นทำไมเขาขายสินค้าได้ โดยมีน้องคนหนึ่งทำงานแผนกเดียวกัน น้องไม่ได้ทำหน้าเว็บ จดชื่อเว็บดอทคอมให้หรูหรา หรือมีระบบบริหารจัดการร้านค้าขั้นเทพอะไรเลยก็ยังขายของได้ และขายผ่านเฟสบุ๊คซะด้วย..
ทำให้ผมต้องมานั่งเทียน เพ่งพิจารณาดูหน้าเว็บของน้องเขา แล้วนึกในใจว่า "เฮ้ยขายได้ไงฟ่ะ" ขายกระเป๋าซะด้วย ซึ่งมีคู่แข่งเต็มไปหมดในท้องตลาด เอาล่ะผมเลยมาสมมุติตัวเองเป็นลูกค้าหน่อยสิว่า ถ้าเราหลักการต่างๆ ที่เราเคยเชื่อว่า เราทำเว็บเป็น มันก็ต้องมีภาษีดีกว่า คนทำเว็บไม่เป็นสิ ลดอีโก้ตัวเองลง มาศึกษาเครื่องมือ ที่น้องเข้าใช้ในการขายนั่นคือ facebook store ค่อยๆ อ่านและพิจารณาและสรุปข้อดีต่างๆ มาได้ดังนี้
ข้อดี ข้อที่ 1. เฟสบุ้คเป็นอะไรที่ใครๆ ก็ใช้มีการแชร์กัน แชร์เรื่องส่วนตัว โพสต์ไปเที่ยว ทานข้าว นัดกับแฟน มีเรื่องราวส่วนตัว จิปาถะ เสมือนเราไปมีชีวติในโลกเฟสบุ๊คให้คนได้ติดตาม เช่น น้องคนนี้ แชร์ภาพส่วนตัว หรือข้อความดีๆ ก็จะมีคนมากดไลค์บ้าง สอบถามบ้าง มันทำให้เกิดกิจกรรมได้ ทุกๆชั่วโมง ไม่น่าเบื่อ มีเรื่องใหม่ๆ มาตลอด
ข้อดี ข้อที่ 2. การอัพภาพถ่ายสินค้าทำได้รวดเร็วมาก ถ่ายจากมือถือก็อัพได้เลย ไม่ต้องใช้ photoshop ขึ้นเทพมาตกแต่ง
ข้อดี ข้อที่ 3. การได้เห็นเพื่อนๆ มากดไลค์ ทำให้รู้ว่า มีคนสนใจนะ หรือมีคนมากดเพราะมารยาทก็มี แต่น้อย (เพราะถ้ากดไลค์ น้องเขาจะเฟสมาถามเลยว่า เอามั้ยค่ะ)
ข้อดี ข้อที่ 4. ความเชื่อมั่น ในเรื่องตัวตนว่า มีจริงมั้ยในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลัวเอามากๆ เพราะกลังโอนตังค์ฟรี ไม่มีของส่งให้ หรือตามตัวไม่ได้ แต่ถ้าเห็นการโพสต์การแชร์ มีกิจกรรมคนอื่นๆ มาร่วมด้วย มันก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า น่าเชื่อถือ (ถ้าไม่จริงคงไม่โพสต์หน้าตา ตัวเองเยอะขนาดนี้แหละน่า)
ข้อดี ข้อที่ 5. เรียลไทม์ หรือความทันท่วงที ที่ facebook ตอบโจทย์เช่นมีคนสนใจกดไลค์ หรือส่งข้อความมาถามก็จะทราบได้ทันที และคนถามบางทีไม่ต้องการโทร ทักมาก่อนเพื่อทดสอบว่า มีคนขายจริงๆ หรือเปล่า ถ้าขายจริงก็ต้องมีคนตอบกลับมา ตรงนี้ facebook เขาจัดให้ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา ที่ผมมานั่งเทียนพิจารณาแล้วอืม เราไปมุ่งมั่นทำเว็บขายของให้เมื่อยตุ้ม แล้วก็ยังขายของไม่ได้อีก ก็เป็นเพราะว่า เราเริ่มต้นแบบสไตล์บริษัท คือเริ่มต้นใหญ่เลย จดชื่อเว็บ เช่าพื้นที่ แต่เราไม่ได้เริ่มต้น จากสิ่งที่เราเป็น และมีอยู่ เก็ตเลยครับ เชื่อมั่นว่า ผมลองโพสต์ขายสินค้าผ่านเฟสบุ้ค จากนั่นอีก 2 วันก็ขายของได้แล้วครับ
ข้อดี ข้อที่ 1. เฟสบุ้คเป็นอะไรที่ใครๆ ก็ใช้มีการแชร์กัน แชร์เรื่องส่วนตัว โพสต์ไปเที่ยว ทานข้าว นัดกับแฟน มีเรื่องราวส่วนตัว จิปาถะ เสมือนเราไปมีชีวติในโลกเฟสบุ๊คให้คนได้ติดตาม เช่น น้องคนนี้ แชร์ภาพส่วนตัว หรือข้อความดีๆ ก็จะมีคนมากดไลค์บ้าง สอบถามบ้าง มันทำให้เกิดกิจกรรมได้ ทุกๆชั่วโมง ไม่น่าเบื่อ มีเรื่องใหม่ๆ มาตลอด
ข้อดี ข้อที่ 2. การอัพภาพถ่ายสินค้าทำได้รวดเร็วมาก ถ่ายจากมือถือก็อัพได้เลย ไม่ต้องใช้ photoshop ขึ้นเทพมาตกแต่ง
ข้อดี ข้อที่ 3. การได้เห็นเพื่อนๆ มากดไลค์ ทำให้รู้ว่า มีคนสนใจนะ หรือมีคนมากดเพราะมารยาทก็มี แต่น้อย (เพราะถ้ากดไลค์ น้องเขาจะเฟสมาถามเลยว่า เอามั้ยค่ะ)
ข้อดี ข้อที่ 4. ความเชื่อมั่น ในเรื่องตัวตนว่า มีจริงมั้ยในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลัวเอามากๆ เพราะกลังโอนตังค์ฟรี ไม่มีของส่งให้ หรือตามตัวไม่ได้ แต่ถ้าเห็นการโพสต์การแชร์ มีกิจกรรมคนอื่นๆ มาร่วมด้วย มันก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า น่าเชื่อถือ (ถ้าไม่จริงคงไม่โพสต์หน้าตา ตัวเองเยอะขนาดนี้แหละน่า)
ข้อดี ข้อที่ 5. เรียลไทม์ หรือความทันท่วงที ที่ facebook ตอบโจทย์เช่นมีคนสนใจกดไลค์ หรือส่งข้อความมาถามก็จะทราบได้ทันที และคนถามบางทีไม่ต้องการโทร ทักมาก่อนเพื่อทดสอบว่า มีคนขายจริงๆ หรือเปล่า ถ้าขายจริงก็ต้องมีคนตอบกลับมา ตรงนี้ facebook เขาจัดให้ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา ที่ผมมานั่งเทียนพิจารณาแล้วอืม เราไปมุ่งมั่นทำเว็บขายของให้เมื่อยตุ้ม แล้วก็ยังขายของไม่ได้อีก ก็เป็นเพราะว่า เราเริ่มต้นแบบสไตล์บริษัท คือเริ่มต้นใหญ่เลย จดชื่อเว็บ เช่าพื้นที่ แต่เราไม่ได้เริ่มต้น จากสิ่งที่เราเป็น และมีอยู่ เก็ตเลยครับ เชื่อมั่นว่า ผมลองโพสต์ขายสินค้าผ่านเฟสบุ้ค จากนั่นอีก 2 วันก็ขายของได้แล้วครับ
ซึ่งเหตุผล 5 ข้อของการขายของได้นี้ อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเหตุผล 5 ข้อที่ขายของไม่ได้ทางตรงสักเท่าไหร่ แต่ได้เหตุผลทางอ้อมแน่นอนครับ เลยทำให้ผมเข้าใจว่า วิธีการขายของออนไลน์ มันคือมหาสมุทรของการเรียนรู้ ไม่จบสิ้นและต่อยอดไปเรื่อยๆ แล้วเจอกันบทความหน้าครับ ซึ่งผมสามารถแก้ไขงานขายของได้ (ขายของได้ มันก็มีกำลังใจทำต่อครับ) แต่ 5 ข้อของความล้มเหลวคงยังอยู่นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น