วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทำถูกที่ ถูกเวลา ในทุกๆ อย่างแล้วผลลัพธ์จะดีเอง



ท่านเคยมีประสบการณ์กับคำว่า ทำถูกที่ ถูกเวลา กันบ้างไหมครับ บางคน มีจังหวะของชีวิตที่ดี ก็ทำถูกที่ ถูกเวลา ทำอะไรก็รุ่ง หรือบางคน ซื้อหวยตรงกับเลขที่รัฐบาลออกพอดี ก็มีเงินขึ้นได้เช่นกันครับ แต่มันเป็นเรื่องที่คาดการณ์หรือ คาดเดาได้ยากเป็นจำนวนน้อยของหนึ่ง ในร้อย ในพัน ในแสน

ผมขอมาแชร์เรื่องของผมดีกว่าครับว่า ทำถูกที่ ถูกเวลา เป็นอย่างไร เอาเรื่องตอนสมัยผมยังเป็นเด็กเมื่อตอนเรียนชั้นประถมศึกษา ที่ต่างจังหวัดดีกว่า ในตอนนั้น เด็กต่างจังหวัด วันๆ ก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ และเสาร์-อาทิตย์ ก็จะไปช่วยงานที่นา ที่ไร่บ้าง ถ้าเป็นช่วงต้นฝน ปลายร้อน และโรงเรียนปิดเทอมก็จะดีหน่อย เพราะในช่วงนั้น จะมีอาชีพอย่างหนึ่ง ที่ตอนนั้น เด็กแทบจะทุกคน ต้องทำกันทุกหลังคาเรือนคือ การหาปลากบ หาเขียด หากิ่งกา หาของป่าแล้วแต่ช่วงฤดูกาล ซึ่งตอนนั้น ปลายร้อน ต้นฝน ก็จะฮิตหากบกัน  และหาแข่งกันไปขายในตลาด ใครหาได้มาก ก็ขายได้มาก กบตัวใหญ่ ก็จะได้ราคาดีขึ้นอีก

 วิถีการหาคือ ใช้คันเบ็ดตกกบ และเหยื่อซึ่งก็จะเป็นเศษอาหาร แมลง หรือ ไส้เดือน เป็นต้น และก็ใช้ใบไม้ คล้องกับเบ็ต และค่อยๆ ดึงเพื่อให้ดูเหมือน เหยื่อกำลังวิ่งบนน้ำอยู่ จากนั้นก็จะมีกบค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ เพื่อวิ่งตามเหยื่อมาจนถึงฝั่ง เราก็จะเปลี่ยนเอาใบไม้ออก และใส่เหยื่อเข้าไปเพื่อหย่อนเบ็ด ลงไปให้กบกินแทน ซึ่งการใช้วิธีล่อให้กบ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และออกมาจากรู ด้วยใบไม้จะใช้เวลานานมาก แต่ก็นิยมทำกัน และต้องไปตอนเช้า หรือตอนเย็นๆ เท่านั้น เพราะแดดไม่ร้อน เพื่อนๆ เยอะ สนุกสนาน ถ้าใครตกกบได้ ก็จะพากันวิ่งมาดู และชมเชยกันตามประสาเด็ก

 ในตอนนั้น บ่อน้ำจะมีเยอะ เพราะตามต่างจังหวัด ทางการกรมทางหลวงจะขุดดินข้างทางขึ้นมา เพื่อทำถนน หมู่บ้านหนึ่งๆ เหมือนมีคลองข้างทางยาวคู่ขนานตามถนนไป พอมีฝนตกลงมาก็จะมีกบ เขียดและปลา มาอาศัยอยู่มากพอสมควรครับ

ผมได้วิธีการตกเบ็ด และหากบให้ได้เยอะๆ โดยบังเอิญ ซึ่งก็ไม่ยากอะไร จากปกติจะต้องใช้ใบไม้ตกล่อกบออกมาให้กินเหยื่อ  แต่ผมใช้วิธีไปตอนบ่ายโมง ตอนแดดร้อนจัดๆ ยิ่งดี ผู้ใหญ่ก็จะถามผม อย่างแปลกใจว่า ทำไมไม่ไปตอนเช้าๆ หรือเย็นๆ แดดอ่อนๆ ไม่ร้อนไม่ดีกว่าเหรอ แถมยังมีเพื่อนๆ ด้วย ผมก็ไม่พูดอะไร เพราะตอนบ่าย 1 โมงถึงบ่าย 2 โมงนี่แหละคือนาทีทองของการตกเบ็ดกบ เพราะเมื่อน้ำในบ่อร้อนมากๆ กบก็จะโผล่จากน้ำขึ้นฝั่งมาเอง เพื่อมาหลบร้อน หลบแดดตามพุ่มไม้ใบหญ้า ตามฝั่ง เราเพียงแค่เดินให้เงียบ และหย่อนเบ็ดพร้อมเหยื่อเลย ตกบ่อนี่เสร็จก็สามารถเดินไปตกบ่ออื่นๆ ได้เรื่อยๆ กบก็จะสลับกันขึ้นมาให้ตกได้ตลอด

ที่สำคัญไม่มีคนมาตก ไม่มีคู่แข่งเพราะเขาไม่รู้เคล็ดลับนี้ นาทีทองจะมีแค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะเลือกกบตัวใหญ่เท่านั้น ไม่หย่อนเบ็ตตกมั่วให้เสียเวลา เวลาเอาไปขายก็จะได้ราคามากกว่า

เป็นเรื่องที่ผมทำได้ถูกที่ ถูกเวลาในครั้งแรกของชีวิตเลยจะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ และได้โดยบังเอิญตอนสมัยเด็ก แต่กว่าผมจะรู้เคล็ดลับนี้ ก็ใช้เวลาทำตามเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันมาถึง 3-4 ปี มารู้ก็ตอนใกล้จบประถมแล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกไม่นาน ผมก็เดินทางมาศึกษาต่อในเมือง ไม่มีโอกาสได้ตกเบ็ดกบอีกแล้วครับ แต่เพื่อนๆ ของผมก็ยังสังสัยอยู่ว่า ทำไมถึงตกกบได้เยอะจัง และได้ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นด้วย ทำยังไงฟ่ะ ผมก็ได้แต่อมยิ้มและบอกว่า ข้ามีคาถาดีโว้ย เรียกกบ เรียกเขียดมากินเหยื่อได้ 555+

คำว่า ทำถูกที่ ถูกเวลา ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ขายของทางเน็ต หรือทำงานถูกที่ ถูกทาง หรือลงทุนหุ้นถูกตัวเท่านั้น ผมว่า มันควรเป็นทุกๆ เรื่องที่เราทำนะ เราควรทำให้ถูกที่ ถูกเวลาและถูกจังหวะ อยู่เสมอถ้าเป็นไปได้ เพราะผลลัพธ์ที่ได้ มันจะคุ้มค่า กว่าเราทำแบบไม่มี แบบแผนการมาก่อนแน่นอน หรืออาจจะเรียกว่า ทำน้อย แต่ได้มากก็ได้ ผมเชื่ออย่างนั้นครับ ลองดูก่อนไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนทั้งหมดนะครับ

หวังว่า บทความนี้ จะมีประโยชน์ในการขายของทางเน็ตกับเพื่อนๆ นะครับ แต่ไม่ต้องไปตกเบ็ดกบอย่างผมหรอกนะครับ มันธรรมดาเกินไป จริงมั้ยครับ และที่สำคัญ น้ำในคลอง หนอง บึงไม่สะอาดเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะครับ  เจอกันโพสต์หน้า ขอบคุณครับ ที่ติดตามอ่านกันมาจนจบครับ

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ขายของผ่านเน็ตไม่ได้ ทำไงดี


คำถามนี้ เป็นปัญหาหลักๆ ของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ในการขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งการขายไม่ได้ถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งบางคน เพิ่งทำเว็บเสร็จแล้ว คาดหวังสูงว่า จะให้ขายสินค้าได้เลย โดยไม่ได้ทำการตลาดออนไลน์เลย หรือไม่รู้เลยว่า ต้องทำการตลาดออนไลน์ด้วย

เป็นเรื่องที่ น่าปวดเศียร ถ้าหากนักการตลาดออนไลน์ เจอกับคนที่ไม่เข้าใจ เรื่องการทำตลาดออนไลน์ว่า ต้องทำอย่างนี้ ด้วยเหรอ  ไม่มีอะไรที่ไม่ลงทุนครับ แม้กระทั้งเปิดร้านขายของทั่วไป ยังมีค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าทำป้ายโฆษณา หรือค่าทำสื่อต่างๆ ในพื้นที่ ทางทีวี ทางวิทยุ
 

การตลาดออนไลน์ก็ต้องทำด้วยเช่นกันครับ เช่นต้นทุนในการหาข้อมูล การเขียนบทความ การทำคลิปวีดีโอ การทำคลิปเสียง การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอประกอบ ซึ่งแต่ล่ะงานต้องใช้เวลาทั้งนั้น

นี่แหละครับ คือปัจจัยหนึ่งของที่มา ในการขายของทางเน็ตไม่ได้ หรือไม่มียอดสั่งซื้อทางเน็ต เข้ามาเลยเพราะแค่ทำเว็บ ถ่ายภาพสินค้า ลงรายละเอียด และอัพราคาอย่างเดียวไม่พอ !! ครับ


เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Amazon.com หรือ Alibaba.com เองก็ประสบปัญหาไม่มีกำไร และขาดทุนในช่วง 10 ปีแรก กว่าจะมาเป็นเว็บที่มียอดขายดีระดับโลก ก็ลองผิดลองถูกมาอย่างยาวนาน ด้วยเช่นกันครับ

ดังนั้นต้องรู้จักรอคอย เพื่อเรียนรู้ และปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เสมอ ให้ระยะเวลามาเป็นส่วนประกอบ ปลูกผลไม้ยังต้องรอเป็น 10 ปี  การทำเว็บไซต์ให้ดี ไม่ใช่ทำแค่วันเดียวครับ  ขอให้นิยามใหม่ว่า ขายของผ่านเน็ตไม่มีคำว่า ขายไม่ได้ มีแต่เลิกขายไปก่อนครับ ขอให้ทุกท่านจงโชคดีในการขายของออนไลน์ แล้วเจอกันโพสต์หน้า ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อินเตอร์เน็ต ขุมทรัพย์ของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

นับเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่จะ ขายของทางอินเทอร์เน็ตให้ได้ดี มีกำไร โลกอินเตอร์เน็ต เปิดกว้างเสมอ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ โดยมีตัวอย่างการขายสินค้าและสามารถสร้างกำไร 5 หมื่นบาทได้ ด้วยการขายครั้งเดียวมาแล้ว


เรื่องมีอยู่ว่า ลูกค้าท่านหนึ่ง ต้องการขายรถยนต์ แต่ไม่รู้จะหาใครมาซื้อรถยนต์ ที่ให้ราคาตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ พอดีได้รู้จักกับ หนุ่มช่างซ่อมรถ ลูกชายของเพื่อนบ้านอยู่ใกล้กัน เลยเอ๋ยปากบอก เจ้าหนุ่มว่า ขายรถคันนี้ให้ลุงหน่อยสิ อยากขายในราคา 2 แสนบาท เจ้าหนุ่มนักซ่อมรถ มีความรู้ เรื่องรถ สภาพรถ ดีอยู่แล้ว เลยบอกลุงว่า โอเคครับ งั้นผมขอค่าคอมสัก 5-10% ได้มั้ยครับ ลูงแกบอกว่า ไม่ได้หรอก ส่วนต่างให้ไปบวกเอาเองเลยก็แล้วกัน ลุงขอ 2 แสนก็พอ เจ้าหนุ่มจะบวกเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนที่เกินมาก็เอาไปได้เลย

ด้วยสภาพรถเดิมๆ ไม่มีการตกแต่งเพิ่ม จากสายตาเจ้าหนุ่มช่างซ่อมเพียงได้เช็ค เปิดดูเครื่องยนต์ มองดูก็รู้ เป็นรถบ้านเจ้าของคนเดียวมาตลอด สภาพไม่เคยชนหนัก แถมยังเป็นรถประกันภัยชั้น 1 อยู่

หนุ่มช่างซ่อมก็ได้ โพสต์ประกาศขายรถผ่านเน็ต รับรองคุณภาพรถโดยซ่อมให้ฟรี 1 ปี ถ้ามีปัญหา ต่อยอดจากที่ตัวเองเป็นช่างซ่อมรถอยู่แล้ว ผ่านไป 2-3 วัน ก็ได้มีลูกค้าติดต่อเขามาเพื่อซื้อรถและขอดูรถ ด้วยทักษะการเป็นช่างยนต์มาก่อน ความน่าเชื่อถือและการตัดสินใจซื้อจากลูกค้าก็มาเกินครึ่งแล้ว หลังจากหาไฟแนซ์ได้ ลูกค้าก็ตัดสินใจซื้อไป

ซึ่งราคาที่ช่างซ่อมคนนี้ ขายไปคือ 2 แสนห้าหมื่นบาท ส่วนต่างคือกำไร 5 หมื่นบาท รับไปเลยครับ จากการขายสินค้าเพียงครั้งเดียว

จะเห็นได้ว่า ทุกคนมีจุดแข็ง เพียงแค่รู้จักเอาจุดแข็งมาต่อยอด ก็สามารถเป็นพ่อค้าแม่ออนไลน์ ที่สร้างกำไรจากการขายเพียงครั้งเดียวได้แล้วครับ

ถ้าหนุ่มซ่อมรถยนต์คนนั้น เป็นคุณ  และขายได้ เดือนล่ะ 1 คัน เป็นงานเสริมจะดีมั้ยครับ 

แล้วพบกันโพสต์หน้า ขอบคุณครับ

ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 3

วันนี้ผมขอมาไข ข้อข้องใจในปัญหาข้อที่ 1 ของการนำสินค้ามาขายหรือหาสินค้ามาขาย  จากบทความร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 1

              คุณวิกรม กรมดิษฐ์ เคยกล่าวเอาไว้ที่ช่อง 3 ในรายการ Big Mum แล้วคุณหม่ำถามในรายการว่า ขายอะไรดี ทำอะไรดี ช่วงนี้ ซึ่งคุณวิกรมตอบเอาไว้ดีมากเลยครับคือให้ดูตลาดก่อน ศึกษาตลาดให้ดีก่อน จุดสำคัญคือ หาสิ่งที่ต้องการของตลาดมาขาย และยังไม่มีคนทำ มาขาย (สนใจคลิปนี้ไปดูที่นี่นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=QWtc943EZLY ) ซึ่งตรงนี้ ป๋าเทพแย้งเอาไว้ว่า มันหายากนะว่า อะไรคือสิ่งที่ตลาดต้องการ และยังไม่มีคนทำ ลองชมคลิปกันดูเอานะครับ


กลับมาปัญหาข้อที่ 1 ต่อของการนำสินค้ามาขาย ผมใช้วิธีสไตล์ผมคือ ถามเจ้าของสินค้าเลยว่า ขายดีมั้ยถ้าผมจะรับของคุณมาขาย แน่นอนครับ ไม่มีใครตอบหรอกว่า ของผมขายไม่ดี เขาก็จะตอบว่า ขายดีครับ หรือพอไปได้นะ โอเคเลยล่ะ ฯลฯ

จากนั้นให้เราถามต่อเลยครับว่า สินค้าตัวนี้ มีการตลาดอย่างไรบ้าง ซึ่งคำถามนี้อาจจะดูกว้างไป ผมจะถามแบบนี้เลยครับว่า สินค้าตัวนี้ พี่โฆษณาผ่านช่องทางไหนบ้างครับ เช่น สื่อทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายแบนเนอร์ต่างๆ หรือเว็บไซต์ชื่อดังเป็นต้น ครับ

ถ้ามีเขาก็จะให้คำตอบเรา ถ้าไม่มีเราก็พอจะทราบได้บ้างแล้วล่ะครับว่า ขายของที่คนรู้จัก กับขายของที่คนไม่รู้จัก มันยากและเหนื่อยประมาณไหน ใช่มั้ยครับ ที่ผมเจอสินค้าจะเป็นประมาณนี้ครับ


1.สินค้า+ไม่มีคนรู้จัก = ทำการโปรโมท, ให้ทดลองใช้, แล้วค่อยขาย (ควรมีต้นทุนต่ำ+กำไรดี)

2.สินค้า+คนรู้จักดีแล้ว = ขายได้เลย (ต้นทุนสูง+กำไรน้อย)

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วล่ะครับว่า เลือกอันไหนที่จะพอขาย หรือเลือกสินค้าทั้งสองแบบ 50+50  แต่ถ้าใช้หลักการของคุณวิกรม จะเห็นว่า เป็นการสร้างสินค้า นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ไม่มีอยู่ใน 2 ข้อนี้ ซึ่งต้องเป็นผู้เชียวชาญในตลาดอย่างที่สุดเลยทีเดียวครับ

 การหาสินค้ามาขายก็เหมือนเลือกคู่รักล่ะครับ ถ้าสินค้าดี มีการสนับสนุนดีจากผู้ผลิต ก็อาจขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ถ้าเลือกผิดก็สินค้าที่หาซื้อมาอาจกองท่วมหัวที่บ้านเลยทีเดียวครับ

คำตอบตามสไตล์ผมคือ ให้เริ่มสต้อคแต่น้อย เพื่อเช็คตลาดสำหรับสินค้าที่คนไม่รู้จัก

ส่วนสินค้าที่คนรู้จัก และขายดี ให้สต้อคเยอะเพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำที่สุด แต่ทั้งนี้ ต้องบริหารสต้อคให้ดีนะและมั่นใจว่า เราขายได้ตามเวลาที่เรากำหนดแน่นอนครับ

ถ้ามีงบซื้อของจำกัดให้ทำแบบ พรีออเดอร์ เอารูป+ข้อมูล+ราคา มาลองขายผ่านหน้าเว็บดูก่อน ถ้ามีลูกค้าติดต่อมา ค่อยพัฒนาต่อยอดขึ้นไป ก็ยังไม่สายครับ

วันนี้ พอแค่นี้ก่อน ขอให้ทุกท่านจงโชคดี แล้วพบกันโพสต์หน้ากับผมมิสเตอร์สิงห์ครับ


วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 2

มาต่อกันครับ ในขณะที่ผมเข้ามาทำงานประจำรอบ 2 เพื่อมาเลียแผลใจจากการขายของออนไลน์ที่ขายไม่ได้เลย ทำให้ผมต้องมานั่งคิดว่า เอ๋ทำไมเราขายสินค้าผ่านเว็บไม่ได้ ในเมื่อเราก็ทำเว็บเป็นเนี่ย ไม่ต้องไปจ้างใคร แล้วคนที่เขาทำไม่เป็นทำไมเขาขายสินค้าได้ โดยมีน้องคนหนึ่งทำงานแผนกเดียวกัน น้องไม่ได้ทำหน้าเว็บ จดชื่อเว็บดอทคอมให้หรูหรา หรือมีระบบบริหารจัดการร้านค้าขั้นเทพอะไรเลยก็ยังขายของได้ และขายผ่านเฟสบุ๊คซะด้วย..


ทำให้ผมต้องมานั่งเทียน เพ่งพิจารณาดูหน้าเว็บของน้องเขา แล้วนึกในใจว่า "เฮ้ยขายได้ไงฟ่ะ" ขายกระเป๋าซะด้วย ซึ่งมีคู่แข่งเต็มไปหมดในท้องตลาด เอาล่ะผมเลยมาสมมุติตัวเองเป็นลูกค้าหน่อยสิว่า ถ้าเราหลักการต่างๆ ที่เราเคยเชื่อว่า เราทำเว็บเป็น มันก็ต้องมีภาษีดีกว่า คนทำเว็บไม่เป็นสิ ลดอีโก้ตัวเองลง มาศึกษาเครื่องมือ ที่น้องเข้าใช้ในการขายนั่นคือ facebook store ค่อยๆ อ่านและพิจารณาและสรุปข้อดีต่างๆ มาได้ดังนี้

ข้อดี ข้อที่ 1. เฟสบุ้คเป็นอะไรที่ใครๆ ก็ใช้มีการแชร์กัน แชร์เรื่องส่วนตัว โพสต์ไปเที่ยว ทานข้าว นัดกับแฟน มีเรื่องราวส่วนตัว จิปาถะ เสมือนเราไปมีชีวติในโลกเฟสบุ๊คให้คนได้ติดตาม เช่น น้องคนนี้ แชร์ภาพส่วนตัว หรือข้อความดีๆ ก็จะมีคนมากดไลค์บ้าง สอบถามบ้าง มันทำให้เกิดกิจกรรมได้ ทุกๆชั่วโมง ไม่น่าเบื่อ มีเรื่องใหม่ๆ มาตลอด

ข้อดี ข้อที่ 2. การอัพภาพถ่ายสินค้าทำได้รวดเร็วมาก ถ่ายจากมือถือก็อัพได้เลย ไม่ต้องใช้ photoshop ขึ้นเทพมาตกแต่ง

ข้อดี ข้อที่ 3. การได้เห็นเพื่อนๆ มากดไลค์ ทำให้รู้ว่า มีคนสนใจนะ หรือมีคนมากดเพราะมารยาทก็มี แต่น้อย (เพราะถ้ากดไลค์ น้องเขาจะเฟสมาถามเลยว่า เอามั้ยค่ะ)

ข้อดี ข้อที่ 4. ความเชื่อมั่น ในเรื่องตัวตนว่า มีจริงมั้ยในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้ากลัวเอามากๆ เพราะกลังโอนตังค์ฟรี ไม่มีของส่งให้ หรือตามตัวไม่ได้ แต่ถ้าเห็นการโพสต์การแชร์ มีกิจกรรมคนอื่นๆ มาร่วมด้วย มันก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า น่าเชื่อถือ (ถ้าไม่จริงคงไม่โพสต์หน้าตา ตัวเองเยอะขนาดนี้แหละน่า)

ข้อดี ข้อที่ 5. เรียลไทม์ หรือความทันท่วงที ที่ facebook ตอบโจทย์เช่นมีคนสนใจกดไลค์ หรือส่งข้อความมาถามก็จะทราบได้ทันที และคนถามบางทีไม่ต้องการโทร ทักมาก่อนเพื่อทดสอบว่า มีคนขายจริงๆ หรือเปล่า ถ้าขายจริงก็ต้องมีคนตอบกลับมา ตรงนี้ facebook เขาจัดให้ได้

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา ที่ผมมานั่งเทียนพิจารณาแล้วอืม เราไปมุ่งมั่นทำเว็บขายของให้เมื่อยตุ้ม แล้วก็ยังขายของไม่ได้อีก ก็เป็นเพราะว่า เราเริ่มต้นแบบสไตล์บริษัท คือเริ่มต้นใหญ่เลย จดชื่อเว็บ เช่าพื้นที่ แต่เราไม่ได้เริ่มต้น จากสิ่งที่เราเป็น และมีอยู่ เก็ตเลยครับ เชื่อมั่นว่า ผมลองโพสต์ขายสินค้าผ่านเฟสบุ้ค จากนั่นอีก 2 วันก็ขายของได้แล้วครับ 



ซึ่งเหตุผล 5 ข้อของการขายของได้นี้ อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเหตุผล 5 ข้อที่ขายของไม่ได้ทางตรงสักเท่าไหร่ แต่ได้เหตุผลทางอ้อมแน่นอนครับ เลยทำให้ผมเข้าใจว่า วิธีการขายของออนไลน์ มันคือมหาสมุทรของการเรียนรู้ ไม่จบสิ้นและต่อยอดไปเรื่อยๆ แล้วเจอกันบทความหน้าครับ  ซึ่งผมสามารถแก้ไขงานขายของได้ (ขายของได้ มันก็มีกำลังใจทำต่อครับ) แต่ 5 ข้อของความล้มเหลวคงยังอยู่นะครับ

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 1



วันนี้ ผมคันไม้ ค้นมือขึ้นมา เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ การทำร้านค้าออนไลน์ของผมกับเขาบ้าง ตามสไตล์ของผม เพราะว่าช่วงนี้ บ้านเราเริ่มเข้าใจและมีลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ หรือทางเว็บมากขึ้น

ผมเชื่อว่า เพื่อนๆ หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คงมีความฝันที่ต้องการอยากจะเปิดร้านออนไลน์ให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หรือบางท่านก็ได้เปิดมาแล้ว แต่ยังขายไม่ค่อยดี  หรือไม่ ก็มีบางท่าน ที่มีร้านขายของออนไลน์ที่ขายดีอยู่แล้ว แต่ต้องการมาอ่านเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม

จะอย่างไรก็แล้วแต่ ลองมาดูสไตล์การขายของออนไลน์ ของผมกันบ้างครับ จากการที่ผมเคยแต่ทำงานเป็นเบื้องหลังให้กับหลายๆ บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการขายของออนไลน์ทั้งนั้น โดยทำหน้าที่เป็นฟั่นเฟืองเล็กๆ เช่น ทำหน้าที่เขียนรีวิวสินค้า ถ่ายภาพสินค้า หานางแบบ นายแบบมาประกอบเพื่อทำโปรโมชั่นสินค้า ตามเทศกาลหรือฤดูกาลต่างๆ ก็เลยมีความคิดว่า เราน่าจะออกมาทำเองดูน่า ท่าจะรุ่ง เอ้ามาลองดูสักตั้ง  เพราะเห็นยอดการสั่งซื้อในแต่ล่ะเดือนแล้ว รู้เลยว่า มูลค่ามหาศาลเอามากๆ ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาขายเองดู ผลสรุปออกมาก็คือ เจ๋งแบบไม่เป็นท่าเลยครับ เพราะมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้

1.สินค้าที่นำมาขาย ไม่ใช่สินค้าที่เขานิยมในตลาด ราคาทุนมาดีจริง กำไรงามแต่ขายของไม่ได้ เพราะยี่ห้อไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้ผมประสบปัญหา สต้อกบวม และก็ช้ำครับ

2.วิธีการหาสินค้าเข้ามา ไม่ใช่แค่เรื่องราคาอย่างเดียวต้องมีรูปภาพประกอบและรายละเอียดสินค้า พร้อมทั้งราคาที่มีความเหมาะสมในสภาวะของตลาด และควรมีรีวิวจากผู้ที่เคยซื้อใช้ ลองใช้ด้วยนะครับ (ตอนนั้น ผมร้อนวิชาเลยไม่ทันคิด เห็นว่า ถูกเอาไว้ก่อน ซื้อเลยครับ คิดถึงทีไร จี้ดใจทุกที)

3.มั่นใจตนเองสูงมากเกินไป ด้วยจุดแข็งที่ผมมีคือข้าทำเว็บเป็น ไม่ว่าจะเป็นระบบ Wordpress+Woocommerce หรือระบบขายของออนไลน์อย่าง Joomla+visual mart ติดตั้ง ตกแต่ง ถ่ายภาพ อัพราคาสบายๆ งานถนัด ทำให้ไม่ได้ไปมองวิธีการของคนอื่นที่เขาทำเว็บธรรมดาๆ แต่ขายของได้ โดยลืมคิดไปว่า ทำเว็บเป็น กับทำเว็บขายของได้ มันคนล่ะเรื่องกันเลยครับท่าน (ทำเป็นแล้ว ขายของไม่ได้ แล้วไงล่ะ)

4.ฐานลูกค้าที่รู้จักเป็นการส่วนตัว หรือที่เขาเรียกกันว่า คอนเน็คชั่นไม่มีครับ คือพูดง่ายๆ เปิดเว็บได้ มีของขาย แต่ฐานลูกค้าปากเปล่า หรือปากต่อปากที่เ่คยค้าขายกันมาก่อนไม่มีครับ

5.ขาดแนวคิดต่อยอด คือการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง การตั้งคำถามในแต่ล่ะวัน การตั้งเป้าหมายของงานขายของออนไลน์ แบบแผนการคร่าวๆ ที่เอาไว้ตรวจสอบเก็บข้อมูลต่างๆ คือ ไม่มีแผนการว่างั้นเถอะ ขายแบบกองโจรจริงๆ ครับ

ด้วยเหตุผลที่ผมนึกได้ 5 ประการนี้ ก็เพียงพอสำหรับให้ผมต้องทิ้ง ความฝันเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ ไปเลียแผลหางานทำใหม่สักพักใหญ่ๆ แล้วครับ

วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ มาต่อกันโพสต์หน้า ยังๆ ผมยังไม่ยอมแพ้เพราะมีความเชื่อและมีความฝันอยู่ลึกๆ อยู่ว่า เว็บของเรามันต้องขายได้บ้างสิ :) แล้วเจอกัน พร้อมกับบทความใหม่ของผมภาคต่อ ร้านค้าออนไลน์ ฉบับมิสเตอร์สิงห์ ตอนที่ 2  และ ในบทความต่อไปผมก็สามารถแก้ไขปัญหาทั้ง 5 ข้อได้ และเริ่มขายสินค้าได้  แล้วพบกันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

งานถ่ายภาพที่ใครๆ ก็ถ่ายได้

ด้วยเทคโนโลยีของมือถือ ที่ติดตั้งกล้องมาในตัว ถ่ายแล้วแชร์ผ่านเฟส ผ่านไลน์ได้เลยเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวัน ของเราคนไทยไปแล้วครับ วันนี้ผมก็มาแชร์ภาพถ่ายจากกล้องมือถือ ที่ไม่ต้องปรับเลนส์ ปรับค่า F ให้ปวดหัวไม่ต้องวัดแสง อยากถ่ายก็ ยกมือถือถ่ายได้เลย จัดไปครับถ่ายจากมือถือล้วนๆ

หมอกลงจัดเส้นหมายเลข 9 ไปอยุธยา

วิ่งเส้นหมายเลข 9 มุ่งหน้าไปอยุธยา

ขากลับแวะปั้มเติมพลังชีวิตสักหน่อยครับ

ทุ่งพระนเรศวร มีสระน้ำขนาดใหญ่บรรยากาศดีมากๆครับ


มีน้องหมา มาวิ่งออกกำลังกายซะด้วย



กล้องจากมือถือเก็บรายละเอียดเมฆได้ดีทีเดียวครับ



ถ่ายจากมือถืออีกเช่นกัน ภาพก่อนพระอาทิตย์ขึ้นที่ผามออีแดงครับ



ถ่ายย้อนแสงพระอาทิตย์แบบไม่มี แสงสะท้อนมาที่เลนส์ให้กวนใจครับ

ปล.ถ่ายมายังไง อัพไปอย่างนั้นเลยไม่ได้แต่งแสง สีใน photoshop ครับ

Recent News